ความสำเร็จของนักมวยไทยบนสังเวียน MMA

ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกคนย่อมต้องการความสำเร็จกันทั้งนั้น นี่คือสัจธรรมอย่างหนึ่ง นักกีฬาก็ไม่ต่างกันเพราะความสำเร็จที่ได้มานั้นสามารถนำพาชีวิตของตัวเองรวมถึงคนในครอบครัวได้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะนักกีฬามวยไทย แต่ที่ผ่านมามักจะเป็นความสำเร็จที่สร้างความสุขเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีความมั่นคงอย่างแท้จริง นักมวยไทยหลาย ๆ ท่านจึงผันตัวไปประกอบอาชีพอื่น บางท่านจึงผันตัวมาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานหรือ MMA จากการที่มีพื้นฐานด้านมวยไทยอยู่แล้วจึงสามารถต่อยอดการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จได้กลายเป็นแชมป์บนสังเวียนนักสู้ MMA

อย่างเช่น เดชดำรง ส.อำนวยศิริโชคและสะเก็ดดาว เพชรพญาไท ทั้งสองท่านเป็นนักชกมากฝีมือตั้งแต่ครั้งที่เคยเป็นนักกีฬามวยไทยจนได้มาคว้าแชมป์ในศึก One Championship เรียกว่าด้วยพื้นฐานการต่อสู้ที่ดี อาศัยความมุ่งมั่นขยันฝึกซ้อมและในที่สุดก็ได้ก้าวขึ้นมาสู่มาตรฐานของคำว่าแชมป์เปี้ยนโลก

ทำไม…มวยไทยจึงเป็นพื้นฐานที่ดีในการก้าวเข้าสู่สังเวียน MMA

  1. มวยไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยท่วงท่าที่สวยงาม ตั้งแต่พิธีไหว้ครูที่ชาวต่างชาติได้เห็นท่ารำแล้วมักจะหลงเสน่ห์ได้อย่างง่ายดายและอยากเข้ามาสัมผัสวิถีอย่างมวยไทย นอกจากท่ารำไหว้ครูแล้วยังมีท่าแม่ไม้มวยไทยที่สามารถจู่โจมได้อย่างรุนแรงเฉียบขาดเช่นกัน
  2. สามารถใช้อวัยวะในการออกอาวุธเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้และเพื่อป้องกันตนเองได้ครบทุกส่วนทั้ง หมัด เท้า เข่าและศอก มีพิษสงรอบด้าน ถ้าหากนักกีฬาคนไหนสามารถออกอาวุธและใช้ได้อย่างชำนาญย่อมเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับคู่ต่อสู้อย่างมากทีเดียว
  3. สามารถพัฒนาในการควบคุมอารมณ์และจิตใจได้ดี เพราะครูฝึกจะไม้ได้สอนเพียงเรื่องการออกอาวุธอย่างไรให้ชนะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นความสำคัญตั้งแต่เรื่องความมีระเบียบวินัยตรงต่อเวลา การมีสัมมาคารวะ รู้แพ้ รู้ชนะและรู้จักให้อภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานด้านวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยซึ่งได้สอดแทรกเข้ามาในศิลปะมวยไทยด้วย จึงกลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ผู้ใดพบเห็นเป็นต้องชม

คุณค่าของกีฬามวยไทย ดังไปไกลถึงสนาม One Championship

คุณค่าที่มีในศิลปะการต่อสู้อย่างมวยไทยได้ดังไปไกลถึงสนามประลองฝีมือศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA อย่างสนาม One Championship และสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ด้วยการใช้แม่ไม้มวยไทยเป็นอาวุธหลักในการโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างเฉียบขาด จึงพิสูจน์ได้อย่างน่าภาคภูมิใจว่า มวยไทยไม่ได้เป็นรองศิลปะการต่อสู้ประเภทใดเลย ควรช่วยกันอนุรักษ์และเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รู้จัก จนแม้กระทั่งชาวต่างชาติเองยังต้องให้ความสนใจที่จะศึกษาเรียนรู้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง

นอกจากความน่าภาคภูมิใจแล้ว ยังสามารถใช้เป็นใบเบิกทางในการสร้างชีวิตที่ดีได้ ไม่ใช่เป็นนักมวยดังแต่ใช้ชีวิตยังมีความลำบากแร้นแค้น เพราะเมื่อได้รับชัยชนะก็จะได้รับเงินรางวัลซึ่งมากเพียงพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเองและครอบครัวให้อยู่อย่างสุขสบายขึ้นได้

ตำนานของคำว่าจิตวิญญาณแห่งนักสู้ไทยบนสังเวียน MMA ชื่อดัง “One Championship”

สำหรับในวงการศิลปะการต่อสู้ของไทยคงจะมองข้ามชื่อของ ครูรงค์ หรือ เดชดำรง ส. อำนวยศิริโชคไปไม่ได้เลย เพราะว่าได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศมาตั้งแต่สมัยที่เป็นแชมป์โลกมวยไทยแล้วได้ผันตัวเองมาฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA และตัวครูรงค์เองก็อยู่ในวงการหมัดมวยมานานถึง 30 กว่าปี อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างในหลาย ๆ ด้าน เมื่อตัวเองได้โอกาสที่ดีในชีวิตก็ไม่เคยคิดลืมบ้านเกิดในต่างจังหวัดเลย เนื่องจากในวัยเด็กครูรงค์เคยลำบากมาก่อน เมื่อมีโอกาสได้ให้สิ่งดี ๆ กับเด็กที่มีความสนใจเรื่องศิลปะการต่อสู้ก็มักจะหยิบยื่นโอกาสนั้นให้อยู่เสมอ

ถึงแม้ว่าในช่วงเวลาที่ต้องเสียเข็มขัดแชมป์โลกไปก็ไม่เคยย่อท้อเลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่ยังมุ่งมั่นด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้ อีกทั้งอยากที่จะลองเพิ่มประสบการณ์ในการศึกษาด้านการต่อสู้ที่หลากหลายอย่าง MMA โดยที่ไม่ได้มีเพียงแค่มวยไทยเท่านั้นแต่ยังได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ในด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะบราซิลเลี่ยน ยิวยิตสู (Brazilian Jiu-Jitsu หรือ BJJ) ฝึกซ้อมจนร่างกายฟิตจึงอยากลองลงแข่งขันในสังเวียนดังอย่าง One Championship จนประสบความสำเร็จได้เข็มขัดแชมป์ MMA ซึ่งนับว่าเป็นคนไทยคนแรกที่ได้แชมป์โลกในรุ่น สตรอว์เวท (strawweight)

ครูผู้เป็นต้นแบบความมุ่งมั่น บนเส้นทางของความฝันที่ต้องไปให้ถึง

เมื่อได้เข้าไปทำความรู้จักกับวิถีชีวิตครูรงค์แล้วจะพบว่าเส้นทางชีวิตของเข็มขัดแชมป์มวยไทยและแชมป์ MMA นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเมื่อครั้งยังเด็กก็เป็นเพียงเด็กต่างจังหวัดที่มีฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน แต่เพราะความสนใจในเรื่องหมัดมวยอย่างจริงจัง จึงพยายามหาวิธีให้ได้ฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ จนได้มีโอกาสดี ๆ เข้ามาให้ได้ไล่ตามความฝันของตัวเองแล้วมันก็เป็นจริงมาจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังได้ช่วยเหลือคนในครอบครัวที่เป็นที่รัก ได้ช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่มีความฝันเหมือนตัวครูรงค์เองในวัยเด็ก

บนเส้นทางของความฝันที่ต้องไปให้ถึง โดยมีสังเวียนมวยเป็นสถานที่สำคัญในการหล่อหลอมครูผู้เป็นต้นแบบของความมุ่งมั่นอย่างครูรงค์ เดชดำรง ส. อำนวยศิริโชค ให้มีความแข็งแกร่งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เริ่มจากสนามเล็ก ๆ ในตัวจังหวัดและชนะบ้างแพ้บ้าง ด้วยฝีไม้ลายมือในเชิงมวยเข้าตากรรมการและค่ายมวยดังจังได้มีโอกาสเข้ามาสู้ศึกในสังเวียนใหญ่ระดับสากลอย่างสนามมวยลุมพินีในเมืองหลวง จากนั้นก็ได้รับการฝึกซ้อมตามแบบมาตรฐานและก้าวขึ้นสู่แชมป์โลก

ความพ่ายแพ้และความผิดหวัง คือยาชูกำลังของนักสู้

ถึงแม้ว่าครูรงค์จะเป็นถึงอดีตแชมป์โลกมวยไทยและเป็นแชมป์โลก MMA แต่ก็เคยพบเจอกับความพ่ายแพ้และความผิดหวังมาหลายต่อหลายครั้ง ถ้าเป็นบางคนอาจจะยอมถอยไปแล้ว แต่กับผู้ชายท่านนี้ไม่มีคำว่ายอมแพ้ กลับเอาความพ่ายแพ้และความผิดหวังนั้นมาเป็นยาชูกำลังให้มีแรงฮึดสู้ต่อไป ใคร ๆ ก็ต้องยอมรับครูมวยอย่างครูรงค์ ให้เป็นระดับตำนานของคำว่าจิตวิญญาณแห่งนักสู้ไทย

ศิลปะการป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือ MMA ใช่หรือไม่

ความนิยมในเรื่องการศึกษาและติดตามศิลปะการต่อสู้ MMA หรือ Mixed Martial Arts มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้คนทั่วโลกมองเห็นถึงประโยชน์ที่มีใน MMA ว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการป้องกันตัวเองได้ในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะผู้หญิงซึ่งมักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เสมอเมื่อต้องถูกคุกคามทำร้ายร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนรู้จักและคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้จักก็ตาม แล้วศิลปะการป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือ MMA ใช่หรือไม่…คงต้องมาหาเหตุผลกันก่อนว่ามีสิ่งไหนที่จะสนับสนุนได้บ้าง เพราะว่า MMA ใช้ศิลปะการต่อสู้หลายแขนงโดยเลือกเทคนิควิธีที่ดีที่สุดของแต่ละแขนงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และต้องอาศัยความอดทน ความพยายาม ความกล้าหาญและความมีวินัยของนักกีฬาที่จะเข้ามาฝึกซ้อมด้วยจึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยอดเยี่ยมได้จริง ๆ เพื่อสมกับคำว่า ศิลปะการป้องกันตัวที่ดีที่สุด

การใช้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวกับ MMA แตกต่างกันอย่างไร

การใช้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวนั้น น่าจะเป็นการรวมถึงการใช้อาวุธหรือสิ่งที่สามารถใช้แทนอาวุธจริงได้ทุกประเภท เพราะในสถานการณ์จริงการเอาตัวรอดจากอันตรายสิ่งรอบกายนำมาใช้ประโยชน์ได้ อาทิ มีดพก ปากกา กระเป๋าสเปรย์พริกไทย ฯลฯ รวมถึงอวัยวะของร่างกายที่ใช้ต่อสู้ได้ แต่สำหรับ MMA แล้วจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม่มีอาวุธอื่น แต่จะผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ Jiu Jitsu บราซิล, คาราเต้, มวยไทย, มวยสากล, ไอคิโด เป็นต้น โดยผู้ฝึกซ้อมสามารถเลือกรูปแบบที่ตัวเองถนัดและสามารถทำได้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ได้

ในการผสมผสานทักษะและเทคนิคต่าง ๆ ถือเป็นการเรียนรู้ที่มีประโยชน์มาก ทั้งด้านการแข่งขันบนสังเวียนนักกีฬามวยและผู้ที่เรียนรู้เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเองจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และที่สำคัญอย่าลืมว่า บนสังเวียนนักกีฬามีกติกาเพื่อควบคุมสถานการณ์แต่เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตนั้นไม่มีกติกามาคอยกำกับ นั่นอาจจะหมายถึงอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าคุณหรือใครที่ประสบเหตุการณ์ร้ายแต่ไม่มีทักษะด้านการต่อสู้ติดตัวเอาไว้เลย อันที่จริงแล้วนอกจากจะสามารถนำศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอย่าง MMA ไปใช้ได้จริงแล้วยังทำให้ผู้ที่สนใจเป็นนักกีฬาประเภทนี้จะสามารถมีสไตล์และเทคนิคที่หลากหลายขึ้น เมื่อคนที่ได้ดูการแข่งขันจึงรู้สึกสนุกสนาน เพราะคาดเดาท่วงท่าที่จะมาใช้เป็นอาวุธไม่ได้เลย

แต่ทั้งหมดนี้คือศิลปะการป้องกันตัวที่ดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นการสอนวิธีการใช้ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ของผู้ฝึกฝนให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตัวเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถเริ่มเรียนรู้ได้ แล้วจะได้พบด้วยตัวเองว่าเทคนิคแบบไหนกันแน่ที่ใช่และใช้ได้คล่องแคล่วที่สุด นอกจากนี้ยังได้ทั้งความสนุกสนาน ได้สังคมใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ ๆ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย

สุดยอดของคำว่า “ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว”

การให้คำนิยาม คำว่าสุดยอดศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของแต่ละคนนั้น น่าจะมีความแตกต่างกันไป เพราะว่าแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน บางคนถนัดการเตะต่อย แต่บางคนถนัดการทุ่มและล็อก ดังนั้น ถ้าจะบอกว่าการเลือกใช้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสมผสานคือสิ่งที่ดีที่สุดก็ไม่น่าจะผิด แต่ก่อนการก้าวถึงเป้าหมายคำว่าสุดยอดและดีที่สุดนั้นคงต้องอาศัยความมุ่งมั่นและพยายามเพื่อที่จะค้นหาแนวทางการต่อสู้ที่ใช่ เมื่อพบแล้วก็รับรองได้ว่าจะรักและหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบ MMA อย่างแน่นอน

มวยไทย…สง่างามได้บนเวทีการต่อสู้แบบผสมผสาน

มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ของไทย ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะสามารถทำให้คนทั่วโลกให้ความสนใจและให้การยอมรับ นักต่อสู้จากหลาย ๆ สำนักยังอยากที่จะเข้ามาฝึกซ้อมแม่ไม้มวยไทยเพื่อนำไปใช้เป็นอาวุธบนสังเวียนใหญ่ ในการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ก็เช่นกัน มวยไทยถูกนำมาใช้ในการแข่งขันทั้งนักกีฬาไทยเองและนักกีฬาต่างชาติด้วย แล้วก็มีบทพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถใช้ได้ดี เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างสง่างามเหมือนนักมวยไทยชื่อเสียงโด่งดังท่านนี้ บัวขาว บัญชาเมฆ ในด้านความนิยมฝึกซ้อมมวยไทยเพื่อใช้ในสังเวียน MMA ก็เพราะว่าสามารถใช้ได้ทั้งหมัด ศอก เตะต่อยและเข่านั่นเอง โดยใช้ร่วมกับเทคนิคการต่อสู้แบบอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยมมากเช่นกัน อย่างเช่น บราซิเลียน ยิวยิตสู (Brazilian Jiu-Jitsu) เนื่องจากเป็นรูปแบบการต่อสู้ที่ช่วยเซฟร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า

กติกามวยไทยและการนำไปใช้ในศึก MMA

เรื่องของกฎกติกาในการแข่งขันนั้นมีความสำคัญซึ่งนักกีฬาทุกท่านจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในกติกามวยไทยมีความใกล้เคียงกับกติกาที่ใช้ในศึก MMA มากทีเดียว ออกอาวุธได้ทุกรูปแบบ แต่ก็ยังมีข้อห้ามอื่นเพื่อให้การต่อสู้นั้นมีความปลอดภัยสำหรับตัวนักกีฬา เป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บ สำหรับนักกีฬามวยไทยแล้ว เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องการขึ้นชกสังเวียน MMA เลยก็ว่าได้ สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนมีไม่มากเมื่อเทียบกับนักมวยสากลที่ต้องมีการเพิ่มทักษะการสู้หลายรูปแบบ แต่รูปแบบการต่อสู้ที่ต้องมีเพิ่มนั้นก็คือ ทักษะการทุ่ม ล็อกและรัด จากรูปแบบของ บราซิเลียน ยิวยิตสู ยูโด มวยปล้ำและคาราเต้ เป็นต้น

โดยปกตินักกีฬามวยไทยจะต้องสวมใส่นวมที่มือทั้งสองข้างแต่การชกแบบมวย MMA ไม่ใช้นวม เพราะต้องใช้มือและนิ้วมือในการต่อสู้ จึงใส่สนับมือที่มีนิ้วมือโผล่ออกมาได้และมีแผ่นรองนิ้วเพื่อป้องกันนิ้วหัก ในการต่อสู้ก็ยังสามารถใช้มือและนิ้วจับล็อกคู่ต่อสู้ได้สะดวกหรือจะใช้หมัดชกคู่ต่อสู้ก็ยังได้เช่นกัน เพียงแค่ไม่ได้เน้นการชกเท่ากับกติกามวยไทย ดังนั้นก็อยู่ที่ว่านักกีฬาจะสามารถนำเทคนิควิธีการต่อสู้แบบมวยไทยไปผสมผสานใช้กับการชกในศึก MMA ได้ดีหรือไม่ ถ้าหากใช้ได้ดีและชำนาญแล้วก็ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามสำหรับนักต่อสู้จากทั่วโลกอย่างแน่นอน แล้วก็ได้พิสูจน์ว่าจริงเสียด้วยแบบสไตล์การชกมวยไทยของคุณ บัวขาว บัญชาเมฆ

บัวขาว…บทพิสูจน์ของมวยไทยที่ได้รับการยอมรับบนเวทีโลก

บัวขาว บัญชาเมฆ ถือเป็นนักชกมวยไทยขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย นักมวยท่านนี้ได้นำฝีไม้ลายมือจากการชกมวยไทยไปประจักษ์ต่อสายตาทั่วโลกแล้วว่ามวยไทยมีดีไม่แพ้ศิลปะการต่อสู้ประเภทอื่นเลยจริง ๆ นอกจากนี้ยังได้รับคำท้าจากนักชกบนสังเวียน MMA ลงต่อสู้ในศึกมวยที่ต้องปฏิบัติตามกฎกติกาของการชก MMA ก็สามารถทำได้ดีและเอาชนะนักชกในรุ่นเดียวกันได้อย่างสวยงาม ทั้งการชนะน็อกและชนะคะแนน จึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักชกรุ่นใหม่ ๆ ที่ให้ความสนใจในการเล่นกีฬาทั้งมวยไทยและรูปแบบมวย MMA อย่างน้อยถ้าไม่ได้ก้าวขึ้นไปสู่ระดับโลกก็ยังถือว่าเป็นการออกกำลังเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนจะได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้มากขึ้น

ศิลปะการต่อสู้แบบไหนที่ใช่และลงตัวได้ดีกับการต่อสู้สไตล์ MMA

หลาย ๆ ท่านที่รู้จักกับกีฬา MMA (Mixed Martial Arts) มาบ้างแล้วคงอยากจะทราบว่าการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงนั้น มีแบบไหนที่ใช่และลงตัวได้ดีที่สุด ในส่วนนี้เคยมีผู้เชี่ยวชาญออกมาให้คำแนะนำว่าการต่อสู้แบบ MMA นั้นนักสู้ที่ดีจะต้องใช้ได้ดีในทุกสาขาของศิลปะการต่อสู้ ซึ่งอาจจะดูว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากทีเดียว ดังนั้นความลงตัวที่ใช่และดีที่สุดควรจะมาจากความถนัดของนักสู้หรือนักกีฬาแต่ละคนมากกว่า โดยการดึงเอาเสน่ห์ของศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ามาใช้เพื่อให้สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จริง นอกจากนี้ยังนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงอีกด้วยเพื่อการป้องกันตัวจากสถานการณ์ต่าง ๆ

MMA คือ การผสมผสานจากเสน่ห์ของทักษะพื้นฐานการต่อสู้ 4 รูปแบบ

  1. การใช้มือและขา (Striking) คือ ทักษะในการเตะ ต่อย ชก เข่าและศอก เป็นต้น ซึ่งจะต้องใช้ในรูปแบบที่ถูกวิธี เพราะว่าเป็นการใช้ทักษะพื้นฐานของการต่อสู้ทุกชนิดมี มวยไทย เป็นต้น ถ้านักกีฬามีการออกอาวุธมือและขาได้ดีจะสามารถทำให้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างสวยงามทีเดียว
  2. การจับคู่ต่อสู้ให้ล้มลงสู่พื้น (Takedowns) ซึ่งเป็นพื้นฐานของกีฬามวยปล้ำ สามารถใช้ได้ทั้งแขน ขาและลำตัวในการช่วยทำให้ทุ่มคู่ต่อสู้ลงพื้นได้ ถ้านักกีฬาท่านใดมีความชำนาญมากเป็นพิเศษก็ถือว่าได้เปรียบอีกเช่นกัน เนื่องจากการทุ่มครั้งเดียวอาจจะทำให้ได้รับชัยชนะในเกมการแข่งขันนั้นไปเลยก็ได้
  3. การต่อสู้ในท่านอน (Ground Fighting) โดยส่วนใหญ่เกิดต่อเนื่องมาจากการทุ่มนั่นเองแล้วมาผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้แบบ บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากและนักกีฬาแทบทุกท่านต้องการฝึกฝนให้ใช้งานได้อย่างชำนาญ มีการใช้การต่อสู้ในท่านอนเป็นหลัก
  4. คู่ต่อสู้เอ่ยปากยอมแพ้เพราะไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้อีก โดยเกิดจากการล็อกหรือหักแขนและขาของคู่ต่อสู้ แล้วจากนั้นกรรมการจะสั่งยุติการต่อสู้ ตามกติกาของการแข่งขัน MMA เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับนักกีฬา

ทุกความแตกต่าง…สามารถลงตัวได้ในการต่อสู้สไตล์ MMA

จากเหตุผลที่การต่อสู้สไตล์ MMA เน้นการผสมผสานของทักษะกีฬาต่อสู้หลากหลายประเภท การทำใกล้ความแตกต่างมาลงตัวได้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และนักกีฬาเองต้องใช้อย่างคล่องแคล่วจนเกิดความชำนาญอีกด้วย นอกเหนือไปจากสไตล์ที่ถนัดที่สุดแล้วควรมีอาวุธรูปแบบอื่น ๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นคู่ต่อสู้ก็สามารถเดาแนวทางการต่อสู้ได้ง่ายและแก้เกมได้สะดวกมากขึ้นด้วย แต่ถ้าเป็นนักกีฬาที่เดาทางได้ลำบากสำหรับคู่ต่อสู้ ก็จะกลายเป็นที่ยำเกรงได้เช่นกัน ทักษะต่าง ๆ เหล่านี้จะมีได้ก็อยู่ที่ความมานะอดทนและหมั่นฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในการลงแข่งขันจริง รวมถึงการมีผู้ฝึกสอนที่เชี่ยวชาญแบบมืออาชีพ แก้เกมได้อย่างเก่งกาจและมีทักษะการสอนใหม่ ๆ อยู่เสมอ ถ้านักกีฬามีข้อผิดพลาดใดก็ยังสามารถแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ เพิ่มความมั่นใจได้ทุกสังเวียนอย่างแน่นอน

แม่ไม้มวยไทยกับการประยุกต์ใช้ในกีฬา MMA

กีฬา MMA คือการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลาย ๆ แขนงเข้าไว้ด้วยกัน แน่นอนว่าศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ มีนักกีฬา MMA มากมายฝึกฝนและเรียนรู้การเตะการต่อยในแบบฉบับแม่ไม้มวยไทย ฝึกฝนการต่อสู้วงใน การใช้ศอก-เข่าในแบบฉบับแม่ไม้มวยไทย หรือการป้องกันตัว การยืนมวย และอื่น ๆ อีกมากมายในแบบฉบับแม่ไม้มวยไทย นักกีฬา MMA บางคนยอมบินมาฝึกฝนเรียนรู้จากครูมวยชื่อดังถึงประเทศไทยเราก็มีไม่น้อย ลงทุนจ้างครูมวยจากไทยให้ไปสอนที่ต่างประเทศก็มากเช่นกัน บ้างก็ยืนมวยในแบบฉบับมวยไทย บ้างก็กอดรัดคลุกวงในแบบมวยไทย ใช้ศอกใช้เข่าในแบบมวยไทยก็มีให้เห็นกันมาก

ทำไมนักกีฬา MMA ส่วนใหญ่ต้องฝึกมวยไทย

มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่และมีมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่นทางด้านเทคนิค การใช้ร่างกายเกือบทุกส่วนเป็นอาวุธในการต่อสู้เช่น มือ ศอก เท้า เข่า ฯลฯ มีการป้องกันตัวที่ชาญฉลาดและเทคนิคการต่อสู้วงในที่หาวิธีป้องกันได้ยาก การยืนของมวยไทยคือการยืนที่มั่นคง เข้มแข็ง สง่า และน่าเกรงขาม เปรียบเหมือนป้อมปราการที่พร้อมจะตอบโต้เมื่อโดนโจมตี มวยไทยจะเน้นการป้องกันตัวและตอบโต้มากกว่าจะโจมตี ศิลปะการต่อสู้ในลักษณะนี้จึงเหมาะกับการต่อสู้ในรูปแบบของ MMA เพราะกีฬา MMA จำเป็นมากที่จะต้องป้องกันตัวจากการโจมตีที่หลากหลายจากคู่ต่อสู้ จำเป็นที่จะต้องตั้งรับดูเชิงของคู่ต่อสู้เพื่อที่จะหาโอกาสตอบโต้ และเทคนิคในการเอาตัวรอดหรือการเปลี่ยนจากรับให้เป็นรุกของมวยไทยก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในกีฬา MMA ยกตัวอย่างเช่น จากที่โดนคู่ต่อสู้ไล่ต่อยจนเกือบจะแพ้แต่ถ้าเปลี่ยนเกมเข้าไปกอดคู่ต่อสู้และใช้เทคนิคการคลุกวงในและการตีเข่าแบบมวยไทยก็สามารถกลับมาเป็นฝ่ายโจมตีได้ หรือการถีบขาสกัดเพื่อทำลายจังหวะก็อาจทำให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะและเราอาจมีโอกาสโจมตี เป็นต้น และที่สำคัญคือการออกอาวุธที่อันตรายและน่ากลัวของมวยไทยกระบวนท่าต่าง ๆ ในแม่ไม้มวยไทยที่ขยับร่างกายเพียงไม่กี่ส่วนแต่สามารถทำให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะ เสียท่าไปเลยก็ได้ ทั้งหมดนี้ล้วนสำคัญสำหรับการต่อสู้ในกีฬา MMA อยู่ที่ว่านักกีฬาจะนำไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบไหนให้เหมาะสมกับพื้นที่และกติกาของกรงเหล็ก

สำหรับนักกีฬา MMA หรือคนที่อยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้มีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักมวยไทย ส่วนใหญ่จะต้องเคยได้ยิน เคยเห็นกันมาทั้งนั้น และก็มีนักกีฬา MMA ชื่อดังหลายคนที่นำเอามวยไทยไปประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ของตนเองจนประสบความสำเร็จเช่น Anderson Silva , Jon Jones , Jose Aldo และอีกหลาย ๆ คน แต่ไม่ใช่ว่าศิลปะการต่อสู้แขนงอื่นจะไม่มีความสำคัญหรือนำมาประยุกต์ใช้ไม่ได้ คนที่นำมวยปล้ำมาประยุกต์ใช้แล้วประสบความสำเร็จก็เยอะแยะ คนที่นำมวยสากลมาประยุกต์ใช้ก็มากมาย แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจในตนเองว่าเราเหมาะสมกับแบบไหน จะนำมาใช้ยังไง ตอนไหน สถานการณ์ไหนถึงจะเหมาะสมมากกว่า