ศิลปะการต่อสู้แบบไหนที่ใช่และลงตัวได้ดีกับการต่อสู้สไตล์ MMA

หลาย ๆ ท่านที่รู้จักกับกีฬา MMA (Mixed Martial Arts) มาบ้างแล้วคงอยากจะทราบว่าการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงนั้น มีแบบไหนที่ใช่และลงตัวได้ดีที่สุด ในส่วนนี้เคยมีผู้เชี่ยวชาญออกมาให้คำแนะนำว่าการต่อสู้แบบ MMA นั้นนักสู้ที่ดีจะต้องใช้ได้ดีในทุกสาขาของศิลปะการต่อสู้ ซึ่งอาจจะดูว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากทีเดียว ดังนั้นความลงตัวที่ใช่และดีที่สุดควรจะมาจากความถนัดของนักสู้หรือนักกีฬาแต่ละคนมากกว่า โดยการดึงเอาเสน่ห์ของศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่ามาใช้เพื่อให้สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้จริง นอกจากนี้ยังนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริงอีกด้วยเพื่อการป้องกันตัวจากสถานการณ์ต่าง ๆ

MMA คือ การผสมผสานจากเสน่ห์ของทักษะพื้นฐานการต่อสู้ 4 รูปแบบ

  1. การใช้มือและขา (Striking) คือ ทักษะในการเตะ ต่อย ชก เข่าและศอก เป็นต้น ซึ่งจะต้องใช้ในรูปแบบที่ถูกวิธี เพราะว่าเป็นการใช้ทักษะพื้นฐานของการต่อสู้ทุกชนิดมี มวยไทย เป็นต้น ถ้านักกีฬามีการออกอาวุธมือและขาได้ดีจะสามารถทำให้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างสวยงามทีเดียว
  2. การจับคู่ต่อสู้ให้ล้มลงสู่พื้น (Takedowns) ซึ่งเป็นพื้นฐานของกีฬามวยปล้ำ สามารถใช้ได้ทั้งแขน ขาและลำตัวในการช่วยทำให้ทุ่มคู่ต่อสู้ลงพื้นได้ ถ้านักกีฬาท่านใดมีความชำนาญมากเป็นพิเศษก็ถือว่าได้เปรียบอีกเช่นกัน เนื่องจากการทุ่มครั้งเดียวอาจจะทำให้ได้รับชัยชนะในเกมการแข่งขันนั้นไปเลยก็ได้
  3. การต่อสู้ในท่านอน (Ground Fighting) โดยส่วนใหญ่เกิดต่อเนื่องมาจากการทุ่มนั่นเองแล้วมาผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้แบบ บราซิลเลี่ยน ยูยิสสู ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากและนักกีฬาแทบทุกท่านต้องการฝึกฝนให้ใช้งานได้อย่างชำนาญ มีการใช้การต่อสู้ในท่านอนเป็นหลัก
  4. คู่ต่อสู้เอ่ยปากยอมแพ้เพราะไม่สามารถแข่งขันต่อไปได้อีก โดยเกิดจากการล็อกหรือหักแขนและขาของคู่ต่อสู้ แล้วจากนั้นกรรมการจะสั่งยุติการต่อสู้ ตามกติกาของการแข่งขัน MMA เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับนักกีฬา

ทุกความแตกต่าง…สามารถลงตัวได้ในการต่อสู้สไตล์ MMA

จากเหตุผลที่การต่อสู้สไตล์ MMA เน้นการผสมผสานของทักษะกีฬาต่อสู้หลากหลายประเภท การทำใกล้ความแตกต่างมาลงตัวได้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และนักกีฬาเองต้องใช้อย่างคล่องแคล่วจนเกิดความชำนาญอีกด้วย นอกเหนือไปจากสไตล์ที่ถนัดที่สุดแล้วควรมีอาวุธรูปแบบอื่น ๆ ด้วย ไม่เช่นนั้นคู่ต่อสู้ก็สามารถเดาแนวทางการต่อสู้ได้ง่ายและแก้เกมได้สะดวกมากขึ้นด้วย แต่ถ้าเป็นนักกีฬาที่เดาทางได้ลำบากสำหรับคู่ต่อสู้ ก็จะกลายเป็นที่ยำเกรงได้เช่นกัน ทักษะต่าง ๆ เหล่านี้จะมีได้ก็อยู่ที่ความมานะอดทนและหมั่นฝึกซ้อมอยู่ตลอดเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในการลงแข่งขันจริง รวมถึงการมีผู้ฝึกสอนที่เชี่ยวชาญแบบมืออาชีพ แก้เกมได้อย่างเก่งกาจและมีทักษะการสอนใหม่ ๆ อยู่เสมอ ถ้านักกีฬามีข้อผิดพลาดใดก็ยังสามารถแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ เพิ่มความมั่นใจได้ทุกสังเวียนอย่างแน่นอน