MMA กีฬาที่ต้องใช้ศักยภาพทางร่างกายทุกส่วนอย่างเต็มที่

กีฬาต่อสู้ทุกชนิดประเภทเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมรรถนะร่างกายสูง เนื่องจากต้องใช้สมาธิในการฝึกซ้อมหรือแข่งขันสูง ความเครียด ความกดดันจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีนเป็นระยะเวลานาน ๆ อย่างน้อยก็ตลอดช่วงที่ฝึกซ้อมหรือช่วงแข่งขัน ผลที่ตามมาจึงกระทบกับร่างกายภายหลังจากที่มีการฝึกซ้อมหรือแข่งขันได้ ผลอย่างหนึ่งที่เป็นรูปธรรมก็คืออาการกล้ามเนื้อล้า หรืออ่อนแรง ความอ่อนเพลียที่มากกว่าการเล่นกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่แม้จะมีความกดดันหรือความเครียดอยู่บ้างแต่ไม่เท่ากีฬาประเภทต่อสู้อย่าง MMA แน่นอน นักกีฬาที่สัมผัสแล้วจะรู้ดี วิธีการที่ดีที่สุดในการเตรียมตัวคือเตรียมกล้ามเนื้อให้เกิดความยืดหยุ่นพร้อมรับการฝึกให้มากที่สุด

การอบอุ่นร่างกายที่ดี ทำให้การฝึกซ้อมและแข่งขันกีฬา MMA มีประสิทธิภาพสูงสุด

การอบอุ่นร่างกายให้มีประสิทธิภาพต้องรู้ว่าการเล่นกีฬานั้นต้องใช้ร่างกายหรือกล้ามเนื้อส่วนใดเป็นพิเศษบ้าง จากนั้นจึงเลือกท่า Stretching ที่เหมาะสม สำหรับสาระน่ารู้เกี่ยวกับการอบอุ่นร่างกายของนักกีฬา MMA ซึ่งเป็นกีฬาที่ผสมผสานศาสตร์การต่อสู้หลายชนิดนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอบอุ่นร่างกายให้ถูกท่า ในระยะเวลาที่เหมาะสม คือไม่มากหรือไม่น้อยจนเกินไปด้วย ปกติแล้วการวอร์มร่างกายจะเริ่มจากล่างขึ้นบน เนื่องจากเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มีผลกับสมดุลร่างกาย ใช้การยืดกล้ามเนื้อขาบริเวณข้อพับหลังเข่า เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่ต้องทำให้ยืดคลายมากที่สุดเนื่องจากมีผลกับเอวและหลังเป็นอย่างมาก ควรใช้ท่าบริหารอย่างน้อย 3 – 4 ท่า แต่ละท่าทำในเวลาไม่น้อยกว่า 1 – 2 นาที จากนั้นจึงทำการยืดบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา อีก 1 – 2 ท่า ท่าละ 1 – 2 นาทีเช่นกัน สูงขึ้นมาเป็นบริเวณเอวที่เป็นทางเชื่อมกล้ามเนื้อระหว่างส่วนล่างกับส่วนบน ใช้เวลากับส่วนนี้ประมาณ 3 – 4 นาที แล้วจึงยืดส่วนที่เหลือช่วงบนไม่ว่าจะเป็นต้นแขน ไหล่ คอ และหลังรวมกันประมาณ 8 – 10 นาที ดังนั้นโดยรวมแล้วการ Stretching จะใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาที ซึ่งพอจะทำให้ร่างกายนักกีฬาพร้อมสำหรับการฝึกหนักได้  และอย่าลืมว่าเมื่อเข้าโปรแกรมฝึกซ้อมต้องเริ่มโปรแกรมด้วยท่าเบา ๆ ก่อนเสมอ

นอกจากร่างกายจะพร้อมในการฝึกซ้อมและต่อสู้แล้ว ยังช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บได้ด้วย

นักกีฬาหลายคนเห็นว่าการอบอุ่นร่างกายไม่ใช่เรื่องจำเป็น มุ่งเน้นไปที่การเข้าโปรแกรมเลย อันนี้เป็นแนวคิดที่ผิดเพราะหากร่างกายไม่พร้อมเช่นกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นต่าง ๆ หากไม่ได้รับการยืดอย่างเพียงพอจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย อย่าว่าแต่การถูกกระแทกเลย แม้แต่การออกแรงด้วยตัวนักกีฬาเองแต่ออกผิดจังหวะยังมีโอกาสให้เกิดอาการบาดเจ็บได้เลย และเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บเกี่ยวกับกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นนั้นนักกีฬาต้องพักอย่างน้อยถึง 2 สัปดาห์เลยทีเดียว ยิ่งกีฬาต่อสู้อย่าง MMA ด้วยแล้วล่ะก็ หากบาดเจ็บขึ้นมาก็นานกว่านี้แน่นอน ดังนั้นอย่าละเลยการอบอุ่นร่างกายที่เหมาะสมเพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายพร้อมแล้วยังลดความเสี่ยงอาการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อมหรือแข่งขันได้ด้วย

จะเริ่มเล่นกีฬาต่อสู้ MMA มีข้อจำกัดอะไรบ้างหรือไม่

เมื่อได้ดูการแข่งขันกีฬาต่อสู้ บนสังเวียน MMA ความสนุกตื่นเต้นของการแข่งขันคงทำให้นักกีฬาต่อสู้อีกไม่น้อยเกิดความคิดอยากเข้าไปลองสัมผัสกับกีฬาชนิดนี้ดูบ้าง แต่ก็อาจกังวลอยู่ว่าจะสามารถเล่นได้หรือเปล่า หรือมีข้อจำกัดอะไรหรือไม่ เมื่อดูจากรายชื่อแชมป์ก็จะพบว่า นักกีฬาที่ได้แชมป์หลายสมัยต่อกันนั้นมีน้อยมาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ข้อมูลนี้สะท้อนถึงอะไร? ข้อมูลนี้บอกให้ทราบว่ากีฬานี้เป็นกีฬาที่น่าท้าทาย แชมป์มีโอกาสรักษาแชมป์ได้น้อยมาก มีการแปรผันของผลการแข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งที่กติกาไม่ได้ซับซ้อนเลย นี่แสดงว่าผลการแข่งขันขึ้นอยู่กับความพร้อมของนักกีฬาแต่ละคนจริง ๆ การผสมผสานกันของศิลปะการต่อสู้เพื่อนำมาใช้ต่อสู้ของแต่ละคนทำได้สมบูรณ์เพียงใด คนนั้นมีโอกาสขึ้นสู่แชมป์ได้สูง เพราะฉะนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยหากตั้งเป้าจะเป็นแชมป์หากวางแผนได้ดี

เคล็ดลับการเป็นนักกีฬา MMA ที่ดี และสามารถก้าวสู่แชมป์ได้

เมื่อตัดสินใจเลือกเข้ามาในวงการกีฬาต่อสู้ MMA แล้วการกำหนดเป้าหมายสูงสุดของตัวเองจะเป็นแรงจูงใจที่ดีที่สุดในการวางแผนการฝึกซ้อม มีเคล็ดลับไม่กี่ประการเท่านั้นที่แชมป์ MMA หลาย ๆ คนเลือกทำเพื่อผลักดันให้ตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุดของกีฬามวยกรงที่น่าตื่นเต้นนี้

  1. กำหนดโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เหมาะสม : โปรแกรมฝึกซ้อมที่ดีต้องเหมาะสมกับผู้ฝึก สอดคล้องกับสมรรถนะ ยืดหยุ่นได้ตามสภาพ เช่น เริ่มแรกควรเริ่มจากเบาไปหนัก มีทั้งการพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างกาย ความยืดหยุ่นของร่างกาย และทักษะการต่อสู้ โปรแกรมมีการปรับตามสมรรถนะที่พัฒนาขึ้นอาจเป็นรายสัปดาห์ หรือรายเดือน
  2. มีความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อม : เมื่อวางโปรแกรมฝึกซ้อมแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอในการฝึกซ้อม เพราะกีฬาต่อสู้เช่นนี้จำเป็นต้องพัฒนาทักษะทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ผู้ฝึกต้องมีวินัยในการฝึกซ้อมสูงมาจึงจะสามารถพัฒนาตัวเองได้
  3. ประเมินร่างกายตามสภาพจริง : การประเมินมี 2 วัตถุประสงค์คือ เพื่อปรับยกระดับโปรแกรมฝึกซ้อมและเพื่อหยุดเพื่อพัก หากประเมินแล้วพบว่าโปรแกรมนั้นเบาไปแล้วก็สามารถเพิ่มโปรแกรมให้หนักหรือเข้มข้นขึ้นได้ แต่หากประเมินแล้วพบว่าร่างกายมีอาการบาดเจ็บก็จำเป็นต้องพัก อย่าฝืนร่างกาย

ความตั้งใจจริง ความมุ่งมั่น และความสม่ำเสมอ ที่จะทำให้คุณกลายเป็นนักกีฬาที่ดีได้

นักกีฬาที่ดีหาได้ยาก แต่นักกีฬาที่ดีและประสบความสำเร็จหาได้ยากยิ่งกว่า นักกีฬาที่มุ่งมั่นอย่างแท้จริงจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนกว่านักกีฬาที่ฝึกซ้อมอย่างไรจุดหมาย เมื่อเป้าหมายชัดเจนจะทำให้เกิดแรงจูงใจที่จะทำสิ่งนั้นซ้ำ ๆ กันจนกลายเป็นกิจวัตรได้ หากคุณผ่านจุดเริ่มต้นจนทำให้การฝึกซ้อมนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้แล้วล่ะก็ การจะก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ลองประเมินดูสิว่าคุณเองพร้อมจะเป็นแชมป์ MMA หรือยัง?

อาหารดีมีประโยชน์ที่นักกีฬา MMA ควรเลือก

เรื่องอาหารการกินนั้นมีความสำคัญต่อนักกีฬาไม่น้อยไปกว่าชั่วโมงของการฝึกซ้อม เพื่อการเตรียมพร้อมของร่างกายและจิตใจที่มีคุณภาพทุกเวลา การเลือกรับประทานอาหารให้ถูกหลักจะสามารถเพิ่มสมรรถภาพของการฝึกซ้อมและการแข่งขันได้ดีกว่า ตัวนักกีฬา MMA กีฬาที่มีการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลายชนิดนั้นควรจะเพิ่มเติมความรู้ทางโภชนาการให้กับตัวเอง เพราะถ้าหากว่านักกีฬาได้รับสารอาหารไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าได้ง่าย

อาหารดีมีประโยชน์ที่นักกีฬา MMA ควรเลือก คืออาหารที่ให้พลังงานอย่างเพียงพอในการสร้างความพร้อมสำหรับการฝึกซ้อม นั่นคือกลุ่มสารอาหารจำพวก คาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมัน เนื่องจากพลังงานจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของนักกีฬาเพื่อการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพ กระฉับกระเฉง ไม่รู้สึกเหนื่อยล้าได้ง่าย กล้ามเนื้อสามารถพัฒนาได้ดี ปอดและหัวใจแข็งแรง แต่สารอาหารในกลุ่มวิตามินและเกลือแร่ก็ควรได้รับในปริมาณที่พอเหมาะเช่นกันเพื่อเสริมสร้างการสร้างพลังงาน ช่วยในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดงและลำเลียงออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นักกีฬา MMA ควรเลือกอาหารก่อนและหลังการฝึกซ้อมอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

สาระน่ารู้ในการเลือกอาหารก่อนการฝึกซ้อมควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตสูง มีอาหารจำพวก ข้าว ขนมปัง เพราะเป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายกายต้องการ จำเป็นต้องได้รับให้เพียงพอกับการฝึกซ้อม MMA เพื่อให้ร่างกายสามารถดึงพลังงานไปใช้ได้และไม่เหลือเก็บสะสม ในส่วนของโปรตีนจะมีสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยนักกีฬาสามารถหารับประทานได้จากแหล่งโปรตีนที่ดีทั้ง เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อปลา ไข่ นม เป็นต้น นอกจากนี้ยังควรได้รับสารอาหารประเภทไขมันในปริมาณพอดี ไม่ให้เกิดการสะสมมากจนเกินไป เพราะนักกีฬาจะต้องมีวินัยในการเลือกรับประทานอาหาร การตามใจตัวเองโดยเลือกอาหารที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการจะส่งผลให้มีน้ำหนักตัวไม่ได้มาตรฐาน การฝึกซ้อม หรือการแข่งขันก็จะไม่มีประสิทธิภาพตามไปด้วย ในส่วนของการเลือกอาหารหลังการฝึกซ้อม ควรเป็นสารอาหารจำพวกที่ให้ประมาณน้ำตาลกลูโคส เกลือแร่และวิตามินเพื่อให้ร่างกายนำไปทดแทนส่วนที่ได้สูญเสียไปทางเหงื่อ เช่น น้ำผักผลไม้ ขนมปังโฮลวีต หรือ ซีเรียลที่ผสมธัญพืช เป็นต้น นอกจากนี้ในบางท่านจะเสริมเกลือแร่และวิตามินเพิ่มก็ได้ตามความเหมาะสม แต่ไม่ควรเลือกเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน หรือดื่มน้ำอัดลม เพราะจะทำให้เกิดการสูญเสียน้ำในร่างกายมากเกินไป แต่ควรเลือกดื่มน้ำเปล่าเพื่อชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไป แล้วยังช่วยรักษาความสมดุลของสารอาหารต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่นักกีฬา MMA ต้องใส่ใจและเลือกดื่มอย่างถูกวิธีคือ น้ำ เพราะมีความสำคัญกับระบบย่อยอาหาร ระบบการไหลเวียนเลือดและระบบขับถ่าย น้ำที่ดีที่สุดก็คือ น้ำเปล่า ควรจิบอย่างสม่ำเสมอ โดยปกติที่ประมาณ 30มล./น้ำหนักตัว 1 กก.

ความพิถีพิถันเรื่องอาหารย่อมสร้างสุดยอดของนักกีฬา MMA ได้แน่นอน

สำหรับนักกีฬา MMA ที่ได้รับความเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกิน เลือกรับประทานอาหารที่ให้พลังงานเพียงพอย่อมมีโอกาสพัฒนาความสามารถและทักษะต่าง ๆ ได้ดีกว่า เพราะร่างกายแข็งแรงและมีความพร้อมให้กับการฝึกซ้อม ไม่เหนื่อยง่าย โปรแกรมการซ้อมแบบหนักหน่วงแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่น่าหนักใจอีกต่อไป ไม่เฉพาะแต่ในฤดูกาลแข่งขันเท่านั้นแต่ต้องมีความต่อเนื่องและมีความสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกาย กล้ามเนื้อได้รับการบำรุงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อาหารที่มีรสจัดควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยง เพราะอาจจะเป็นสาเหตุของอาการเจ็บป่วยได้ ไม่ว่าจะเป็น อาหารรสเผ็ดจัด หรือเค็มจัด จะส่งผลให้ตับและไตทำงานหนักมากเกินไป

ความสำเร็จของนักมวยไทยบนสังเวียน MMA

ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกคนย่อมต้องการความสำเร็จกันทั้งนั้น นี่คือสัจธรรมอย่างหนึ่ง นักกีฬาก็ไม่ต่างกันเพราะความสำเร็จที่ได้มานั้นสามารถนำพาชีวิตของตัวเองรวมถึงคนในครอบครัวได้มีชีวิตที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะนักกีฬามวยไทย แต่ที่ผ่านมามักจะเป็นความสำเร็จที่สร้างความสุขเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีความมั่นคงอย่างแท้จริง นักมวยไทยหลาย ๆ ท่านจึงผันตัวไปประกอบอาชีพอื่น บางท่านจึงผันตัวมาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานหรือ MMA จากการที่มีพื้นฐานด้านมวยไทยอยู่แล้วจึงสามารถต่อยอดการฝึกฝนได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จได้กลายเป็นแชมป์บนสังเวียนนักสู้ MMA

อย่างเช่น เดชดำรง ส.อำนวยศิริโชคและสะเก็ดดาว เพชรพญาไท ทั้งสองท่านเป็นนักชกมากฝีมือตั้งแต่ครั้งที่เคยเป็นนักกีฬามวยไทยจนได้มาคว้าแชมป์ในศึก One Championship เรียกว่าด้วยพื้นฐานการต่อสู้ที่ดี อาศัยความมุ่งมั่นขยันฝึกซ้อมและในที่สุดก็ได้ก้าวขึ้นมาสู่มาตรฐานของคำว่าแชมป์เปี้ยนโลก

ทำไม…มวยไทยจึงเป็นพื้นฐานที่ดีในการก้าวเข้าสู่สังเวียน MMA

  1. มวยไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยท่วงท่าที่สวยงาม ตั้งแต่พิธีไหว้ครูที่ชาวต่างชาติได้เห็นท่ารำแล้วมักจะหลงเสน่ห์ได้อย่างง่ายดายและอยากเข้ามาสัมผัสวิถีอย่างมวยไทย นอกจากท่ารำไหว้ครูแล้วยังมีท่าแม่ไม้มวยไทยที่สามารถจู่โจมได้อย่างรุนแรงเฉียบขาดเช่นกัน
  2. สามารถใช้อวัยวะในการออกอาวุธเพื่อโจมตีคู่ต่อสู้และเพื่อป้องกันตนเองได้ครบทุกส่วนทั้ง หมัด เท้า เข่าและศอก มีพิษสงรอบด้าน ถ้าหากนักกีฬาคนไหนสามารถออกอาวุธและใช้ได้อย่างชำนาญย่อมเป็นที่น่าเกรงขามสำหรับคู่ต่อสู้อย่างมากทีเดียว
  3. สามารถพัฒนาในการควบคุมอารมณ์และจิตใจได้ดี เพราะครูฝึกจะไม้ได้สอนเพียงเรื่องการออกอาวุธอย่างไรให้ชนะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นความสำคัญตั้งแต่เรื่องความมีระเบียบวินัยตรงต่อเวลา การมีสัมมาคารวะ รู้แพ้ รู้ชนะและรู้จักให้อภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานด้านวัฒนธรรมที่ดีงามของไทยซึ่งได้สอดแทรกเข้ามาในศิลปะมวยไทยด้วย จึงกลายเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ผู้ใดพบเห็นเป็นต้องชม

คุณค่าของกีฬามวยไทย ดังไปไกลถึงสนาม One Championship

คุณค่าที่มีในศิลปะการต่อสู้อย่างมวยไทยได้ดังไปไกลถึงสนามประลองฝีมือศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA อย่างสนาม One Championship และสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ด้วยการใช้แม่ไม้มวยไทยเป็นอาวุธหลักในการโจมตีคู่ต่อสู้ได้อย่างเฉียบขาด จึงพิสูจน์ได้อย่างน่าภาคภูมิใจว่า มวยไทยไม่ได้เป็นรองศิลปะการต่อสู้ประเภทใดเลย ควรช่วยกันอนุรักษ์และเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รู้จัก จนแม้กระทั่งชาวต่างชาติเองยังต้องให้ความสนใจที่จะศึกษาเรียนรู้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นรูปแบบการต่อสู้ของตัวเอง

นอกจากความน่าภาคภูมิใจแล้ว ยังสามารถใช้เป็นใบเบิกทางในการสร้างชีวิตที่ดีได้ ไม่ใช่เป็นนักมวยดังแต่ใช้ชีวิตยังมีความลำบากแร้นแค้น เพราะเมื่อได้รับชัยชนะก็จะได้รับเงินรางวัลซึ่งมากเพียงพอที่จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเองและครอบครัวให้อยู่อย่างสุขสบายขึ้นได้

อิทธิพลของ MMA หรือ Mixed Martial Art ในประเทศไทย

ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA หรือ Mixed Martial Art ในช่วงยุคแรก ๆ นั้นเป็นที่รู้จักในด้านการต่อสู้ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงเข้ามาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย มวยสากล บราซิลเลี่ยน ยูยิตสุ ยูโด มวยปล้ำและอื่น ๆ ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว มีเพียงกติกาแพ้คัดออก การแพ้-ชนะขึ้นอยู่กับการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ น็อกคู่ต่อสู้หรือกรรมการสั่งยุติเท่านั้นในรายการแข่งชื่อดังอย่าง UFC (Ultimate Fighting Championship) ในเวลาต่อมาเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นจึงพัฒนาและกำหนดกติกาให้เป็นสากลมากขึ้น

ในประเทศไทยเองได้เริ่มให้ความสนใจกับกีฬาชนิดนี้มากขึ้นตามกระแสโลกเช่นกัน โดยมีผู้สนับสนุนเป็นคนไทยและได้พยายามผลักดันให้นักกีฬาต่อสู้ของไทยรวมถึงนักกีฬาที่มีความสนใจทั่วภูมิภาคเอเชียได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสศิลปะการต่อสู้ MMA มากขึ้น เพราะความสามารถของคนเอเชียเองไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติตะวันตก นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำศิลปะการต่อสู้ของภูมิภาคเอเชียไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้นอีกด้วย และเพราะความทันสมัยของเทคโนโลยีอย่างโซเชียลมีเดียด้านต่าง ๆ สามารถรับชมได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา ด้านเกมการแข่งขันเองก็มีความน่าสนใจจึงทำให้ MMA เข้ามาอิทธิพลในกลุ่มคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทำไม…ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA หรือ มวยกรง จึงฮอตฮิตทั่วโลก

  • ในปัจจุบันผู้คนชอบความแปลกใหม่และท้าทายความสามารถ โดย MMA มีการถ่ายทอดความสามารถของนักกีฬาต่อสู้ ซึ่งไม่มีข้อจำกัดของการใช้อาวุธ เพราะสามารถนำมาใช้ได้แบบผสมผสานภายใต้กติกาที่มีไว้เพื่อกำหนดแนวทางและเซฟนักกีฬาในเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น
  • ความสนุกสนานเร้าใจในเกมการแข่งขันที่คาดเดาได้ยาก ผู้ชมจะรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นไปกับเกมทุกครั้งทุกยกเมื่อได้ชมแล้วอาจจะลืมทั้งความเครียดและความทุกข์ที่มีได้เลยทีเดียว
  • สามารถรับชมได้สะดวก ทั้งที่ผ่านรายการโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังสามารถรับชมย้อนหลังได้อีกด้วย เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากระบบอินเทอร์เน็ตจึงสามารถออนไลน์ได้ทุกที่ทั่วโลก

โอกาสที่มี ของนักกีฬาไทยและนักกีฬาภูมิภาคเอเชียสู่สายตาคนทั่วโลก

ในปัจจุบันถือว่ามีโอกาสสูงเพราะมีผู้ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยผ่านรายการชื่อดัง One Championship ซึ่งเป็นรายการที่สร้างขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสในการค้นหา ฮีโร่แห่งภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะ แล้วผู้ชมก็ให้การยอมรับและชื่นชอบ จึงกลายเป็นรายดังเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะว่ารูปร่างสัดส่วนของชาวเอเชียมักจะเป็นคนตัวเล็ก ไม่รูปร่างสูงใหญ่อย่างชาวตะวันตก ในสังเวียนใหญ่ระดับโลกอย่าง UFC จึงไม่ค่อยมีนักกีฬาที่มาจากฝั่งทวีปเอเชียมากนัก และที่ได้รับแชมป์โลกก็ยังไม่มีชื่อชาวเอเชียเช่นกัน

ทางผู้จัดรายการ One Championship ได้เล็งเห็นถึงความสามารถของชาวเอเชียและไม่อยากให้ถูกจำกัดจึงเปิดโอกาสให้ได้แสดงความสามารถ ซึ่งเรียกได้ว่าผู้ชมเองก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีทีเดียว อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นในหัวใจนักสู้ชาวเอเชียอย่างเต็มร้อยว่าสามารถก้าวไปถึงระดับโลกได้ไม่แพ้ชาติใดเช่นกัน

การคว้าแชมป์บนสังเวียน UFC ดีกรียอดนักสู้ระดับโลก

สังเวียนของการท่าประลองฝีมือการต่อสู้ที่เรียกว่า ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ Mixed Martial Arts (MMA) กำลังได้รับความนิยมและโด่งดังไปทั่วโลก ในการคว้าแชมป์บนสังเวียนใหญ่อย่าง UFC ก็ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ และไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่มาจากปัจจัยหลายอย่างที่จะสามารถช่วยผลักดันให้ก้าวไปถึงคำว่าแชมป์ โดยนักสู้ระดับโลกแทบทุกท่านไม่ได้มีเบื้องหลังของการฝึกซ้อมที่สวยหรูดูดี เพราะความสำเร็จที่งดงามนั้นต้องแลกมาด้วยความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่มี หลาย ๆ ครั้งอาจจะต้องแลกมาด้วยคราบน้ำตา นั้นก็ถือเป็นบทพิสูจน์หนึ่งก่อนจะได้ชื่นชมกับความสำเร็จ

Conor McGregor เจ้าของเข็มขัดแชมป์ UFC (Ultimate Fighting Championship) ที่ ณ เวลานี้คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าเขาเหมาะสมกับดีกรีนักสู้ระดับโลก มีค่าตัวสูงถึงหลักร้อยล้าน จากการเคยเป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่เขาทำอย่างไรถึงได้เป็นถึงแชมป์โลก MMA และทำสถิติเป็นประวัติศาสตร์อีกด้วย ด้วยการครองแชมป์เข็มขัดนักสู้ถึง 2 รุ่นและยังไม่มีใครสามารถทำได้แบบเขา

กว่าจะมาเป็นแชมป์ UFC ต้องมีดีอะไรบ้าง?

กว่าจะได้เข็มขัดแชมป์ UFC ต้องมีดีอะไรบ้าง…ซึ่งเป็นสิ่งที่นักกีฬาทุกประเภทต้องมีเช่นกัน แต่อาจจะแตกต่างตรงที่เป็นประเภทการต่อสู้และมีการปะทะ จึงไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเข้ามาฝึกฝนได้ ถ้าไม่มุ่งมั่นและตั้งใจจริง

  • การมีจิตใจที่แข็งแกร่ง มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค เพราะในเวลาของการฝึกซ้อมต้องมีบาดเจ็บบ้าง หรือมีปัญหามาให้แก้อยู่ตลอดเวลา อาจจะต้องสวมจิตวิญญาณของนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่ออะไรง่าย ๆ เข้าไปด้วย ถึงจะทำให้เดินทางถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งเอาไว้
  • ความขยันหมั่นฝึกซ้อม ความมีระเบียบและวินัยตามแบบอย่างของนักกีฬาที่ดี จะสามารถทำให้เพิ่มความอึดและได้รับทักษะต่าง ๆ อย่างเต็มที่ ทั้งจากโค้ชและเพื่อนนักกีฬาด้วยกันเอง
  • การเลือกรับประทานอาหารที่สามารถให้คุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมกับการเป็นนักกีฬาต่อสู้ อาจจะต้องเน้นอาหารที่เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกเป็นพิเศษ
  • พรสวรรค์ ซึ่งสามารถเป็นแรงผลักดันให้ก้าวขึ้นสู่สังเวียนระดับโลกอย่าง UFC ได้เร็วกว่า เพราะมีการเรียนรุ้เทคนิคต่าง ๆ ในการต่อสู้ได้ไวจนเกิดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้

มากกว่าคำว่าชัยชนะคือการเห็นคุณค่าของศิลปะการต่อสู้

คำว่าชัยชนะ และเป็นแชมป์โลกบนสังเวียน UFC เชื่อว่านักกีฬาทุกคนก็ย่อมอยากก้าวมาถึงจุดนี้อย่างแน่นอน แต่ที่มากกว่าชัยชนะ ก็คือ การเห็นคุณค่าของศิลปะการต่อสู้ เนื่องจากทุกศาสตร์การต่อสู้ใน MMA มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับว่านักกีฬาจะใช้ศิลปะการต่อสู้ใดได้ชำนาญกว่า การขึ้นสังเวียนทุกยก เหมือนได้นำศิลปะการต่อสู้ออกไปเผยแพร่สู่สายตาชาวโลก ดังนั้นนักกีฬาทุกคนควรให้การเคารพศิลปะการต่อสู้ที่ตนเองฝึกฝน รับรองได้ว่าจะสามารถเข้าถึงและฝึกซ้อมได้อย่างเข้าใจจนนำไปใช้ได้อย่างชำนาญแน่นอน

นักกีฬา MMA ทำเงินกันได้มากแค่ไหน?

เงินค่าตัวของนักกีฬา MMA นั้นไม่ได้เท่ากันไปหมดทุกคน มันขึ้นอยู่กับสถิติการสู้ของพวกเขา อายุ สไตล์การต่อสู้ ความนิยม และความถี่ในการชกก็มีผลต่อเงินค่าตัวทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามตัวแปรหนึ่งที่เห็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนในเรื่องค่าตอบแทนเหล่านี้คือสังกัดของนักกีฬา สำหรับนักกีฬามืออาชีพของ MMA นั้นค่าตัวเฉลี่ยอยู่ที่ 1000 ถึง 3 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยจากสถิติค่าตัวเหล่านี้นักกีฬาของ UFC มีค่าตัวเฉลี่ยสูงที่สุด โดยพิจารณาได้จากสปอนเซอร์และการเผยแพร่ออกสื่อเป็นตัวผลักดันให้ค่าตัวนักชกในสังกัดสูงขึ้นตามไปด้วย

เงินค่าตัวนี้มาจากไหนกัน?

โครงสร้างเงินค่าตัวของนักกีฬาขึ้นกับสัญญาและการชกในแต่ละนัดด้วยว่าได้รับกระแสนิยมตอบรับมากน้อยเพียงใด ซึ่งส่วนมากแล้วหากในนัดนั้นสามารถเป็นผู้ชนะได้ก็จะได้รับเงินโบนัสอีกด้วย และเงินโบนัสนี้ก็ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนของนักชกนั่นเอง เช่นค่าตัว 4 หมื่นดอลลาร์ หากชนะจะได้รับโบนัส 4 หมื่นดอลลาร์เช่นกัน เหมือนที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่าค่าตัวนักกีฬานั้นได้มาจากหลายส่วนมีส่วนใดบ้างลองมาดูกัน

ค่าสปอนเซอร์ นักกีฬา MMA มืออาชีพส่วนมากแล้วจะมีสปอนเซอร์ เช่น นักชกสังกัด UFC จะต้องใส่ชุดของ Reebok ในการชกเสมอ เนื่องจากมีการทำสัญญากันไว้ระหว่างบริษัททั้งสอง เพื่อโปรโมทสินค้าด้วย นักกีฬาจะได้รับค่าสปอนเซอร์ด้วย เช่นกัน ค่าสปอนเซอร์ที่ตกลงกันขึ้นกับจำนวนครั้งในการใส่ขึ้นชก รวมถึงการชกในนัดสำคัญ ๆ ราคาก็จะต่างกันไป

โบนัส เงินตอบแทนพิเศษนี้ขึ้นอยู่กับการชกในแต่ละนัด ว่านักชกชกได้น่าสนใจเพียงใด หากเป็นการชกที่ทำได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ค่าตอบแทนส่วนนี้ก็จะสูงตามไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจเลยหากในแต่ละครั้งของการชกนักกีฬา MMA จะลุยกันอย่างดุเดือด แต่เงินโบนัสเหล่านี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยตัวเลขให้รู้ทั้งหมด มีหลายกรณีเหมือนกันที่มีการตกลงการจ่ายโบนัสแบบไม่เปิดเผยให้คนอื่นรู้

นักชก MMA ที่ได้ค่าตัวมากกับน้อยมีความแตกต่างกันอย่างไร ?

ตามที่ทราบกันดีว่าค่าตัวของนักชกแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปตามศักยภาพ แต่หากเราลองมองจากมุมมองของคนดู เราเองจะรู้ได้หรือไม่ว่านักกีฬาแต่ละคนที่มีค่าตัวแตกต่างกันมาก ๆ นั้นจะสังเกตได้อย่างไร? คำตอบคือแทบไม่แตกต่างกันเลย ผลของค่าตัวขึ้นกับผลงานในการชกของนักกีฬาเอง สถิติในการชกจะถูกบันทึกไว้ ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้เกิดการตัดสินใจเรื่องการจ่ายค่าตัว จากสถิติพบว่านักกีฬา MMA ที่มีค่าตัวสูงที่สุดนั้นสูงถึง 3 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่นักกีฬาที่มีค่าตัวต่ำสุดนั้นได้รับค่าตัวเพียง 1 หมื่นดอลลาร์ต่อปีเท่านั้นเอง

คุณค่าที่มากกว่าความท้าทายของศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานสไตล์มวย MMA

เมื่อพูดถึงเรื่องการชกมวยคงต้องนึกถึงการเตะ ต่อยแล้วยิ่งถ้าเป็นสไตล์การชกมวยแบบผสมผสาน หรือ MMA ที่ไม่จำกัดเรื่องการออกอาวุธเพราะสามารถออกได้ในทุกรูปแบบทั้งการเตะ ต่อย ทุ่ม ล็อกและรัด ซึ่งอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ง่ายกว่า แต่สำหรับท่านที่ชื่นชอบความท้าทายและได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสและเรียนรู้จะสามารถค้นพบคุณค่าในกีฬาประเภทนี้ว่ามีมากกว่าคำว่าท้าทายอย่างแน่นอนด้วยการผสมผสานเอาศิลปะการต่อสู้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น มวยสากล มวยไทย มวยปล้ำ ยูโด คาราเต้ เป็นต้นโดยเป็นการผสมผสานได้อย่างลงตัวออกมาเป็นท่วงท่าการต่อสู้ที่สวยงามและใช้ต่อสู้ได้จริง ๆ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมในปัจจุบันได้รับความนิยมไปทั่วโลก และไม่เพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นที่นิยม ผู้หญิงยุคใหม่ก็สามารถสนใจและทำการฝึกฝนจนเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงได้เช่นกันเมื่อได้เข้าไปสัมผัสและทำความรู้จักกับ MMA

5 คุณประโยชน์ที่จะได้รับทั้งร่างกายและจิตใจจากการฝึกมวย MMA

  1. ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานนี้คือการออกกำลังที่ดีประเภทหนึ่ง ผู้ฝึกฝนจะสามารถบริหารร่างกายได้ทุกส่วน ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและระบบไหลเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพ เพิ่มการฝึกทักษะอย่างเช่น การทรงตัว การทำงานประสานกันของอวัยวะ ปฏิกิริยาในการตอบโต้ไวและมีความคล่องตัวสูง
  2. สำหรับสาว ๆ ทั้งหลายที่อยากจะสลายไขมันถ้าเลือกฝึกซ้อมกีฬา MMA รับรองได้เลยว่าระบบเผาผลาญจะดีและเร็วขึ้น เนื่องจากจัดอยู่ในการออกกำลังกายที่มีระดับความเข้มข้นสูง หน้าท้องแบนราบและยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ดี ฟิตแอนด์เฟิร์มในรูปแบบที่มีสุขภาพดีและแข็งแรง
  3. ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานสไตล์มวย MMA สามารถช่วยสร้างสมาธิ และยังช่วยให้มีการตัดสินใจ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี จึงสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้นด้วย
  4. ส่งเสริมด้านอารมณ์ให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียด เนื่องจากในยุคปัจจุบันนี้ ความเครียดเกิดขึ้นได้ง่ายและสลายได้ยาก เนื่องจากสภาพแวดล้อม ถ้าได้ปลดปล่อยในทางที่ถูกต้องโดยหันมาสนใจการเล่นกีฬาก็สามารถสลายความเครียดได้
  5. สามารถสร้างวินัยให้กับตนเองได้ เพราะมวย MMA ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจึงจะเกิดความชำนาญ นอกจากนี้ยังฝึกความอดทน ความพยายามและการตรงต่อเวลาอีกด้วย

ฝึกเพื่อออกกำลังกายก็ได้ หรือ ฝึกเพื่อผันตัวเป็นนักกีฬามวย MMA ก็ดี

เมื่อเห็นคุณค่าของศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA ว่าไม่ได้มีแต่ความท้าทาย อีกทั้งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดแต่ยังให้ประโยชน์หลากหลายสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกฝนทั้งผู้ชายและผู้หญิง นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายที่ดีประเภทหนึ่งแล้ว ยังสามารถก้าวขึ้นสู้นักกีฬาบนสังเวียนมวย MMA ได้อีกด้วย เพราะว่าในปัจจุบันมีเวทีหลายระดับทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาคและระดับโลกซึ่งพร้อมเปิดรับนักกีฬาที่มีฝีมือภายใต้กติกาที่เหมาะสมสำหรับการแข่งขัน ในระดับสากล

เสน่ห์ของ One Championship ที่แตกต่างและน่าติดตามชม

ภาพลักษณ์ของความรุนแรงที่ดูโหดร้ายในการแข่งขันต่อสู้ MMA ซึ่งสามารถใช้ศิลปะการต่อสู้แบบใดก็ได้บนสังเวียน ผู้ชนะคือผู้ที่สามารถทำให้อีกฝ่ายยอมจำนนพ่ายแพ้ให้ได้เท่านั้น จะถูกลบออกไปจากความคิดและความทรงจำของคนที่เคยดูการแข่งขันแบบนี้มา เนื่องจากจากนี้ไป One Championship จะนำเสนอศิลปะการต่อสู้ที่สวยงามและมีเสน่ห์ต่อสายตาของท่านผู้ชมทุกท่าน โดยทางผู้ที่ริเริ่มได้มีแนวทางที่ชัดเจนว่า จะนำพาศิลปะการต่อสู่ที่มีในทวีปเอเชียไปเผยแพร่ให้กับทั่วโลกได้รู้จัก ถือเป็นการช่วยอนุรักษ์ให้คงอยู่ได้นานเท่านาน เท่าที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาหลายปีจนกลายเป็นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียไปแล้ว ต่างประเทศเอง ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา ก็ยังให้ความสนใจที่อยากเข้ามาศึกษาและฝึกซ้อมเช่นกัน

โชว์คุณค่าของศิลปะการต่อสู้แบบชาวเอเชียสู่สายตาชาวโลก

คุณค่าของศิลปะการต่อสู่ที่ชาวเอเชียมีอย่างหลากหลายนั้นมีอะไรที่น่านำออกมาโชว์สู่สายตาชาวโลกบ้าง

  • มวยไทย เพราะนอกจากคนไทยที่ควรเห็นคุณค่าแล้ว ยังต้องการให้ทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้นและเกิดความอยากที่จะเรียนรู้ศิลปะของชาวไทยแขนงนี้ว่าสวยงาม ใช้ได้จริง จึงมีคุณค่าอย่างยิ่ง
  • คาราเต้ เสน่ห์ของศิลปะจากชาวญี่ปุ่นและจีนผสมผสานกัน จะต่อสู้ด้วยมือเปล่าโดยมีท่วงท่าที่ดูแข็งแรงแฝงด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนอยู่ในตัว
  • ยิวยิตสูหรือยูโด ซึ่งถูกพัฒนาจากการต่อสู้ที่ค่อนข้างโหดร้ายไม่คำนึงถึงศีลธรรมให้กลายมาเป็นอีกหนึ่งศิลปะการป้องกันตัวที่ประกอบไปด้วยศีลธรรม ผู้เล่นมีมารยาทและสุภาพให้สมกับความหมายของยิวยิตสู ซึ่งหมายถึงศิลปะแห่งความสุภาพ ผู้ฝึกซ้อมจะนำไปใช้ได้อย่างรู้คุณค่าที่แท้จริง
  • บราซิลเลียนยิวยิตสู (Brazillian Jiu-jitsu) ถือว่าเป็นพื้นฐานของกีฬาต่อสู้แบบผสมผสาน MMA ได้พัฒนามาจากศิลปะการต่อสู้ยูโดแล้วกลายเป็นศิลปะแนวใหม่และนักกีฬาสังเวียน MMA ต้องใช้ในการแข่งขัน

นอกจากที่กล่าวมานี้แล้ว ยังมีศิลปะการต่อสู้อีกหลายประเภทที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ ทั้งที่ไม่ใช่ของชาวเอเชียก็สามารถนำมาผสมผสานได้อย่างลงตัวเช่นกัน แต่สิ่งที่สำคัญคือการได้แสดงให้ทั่วโลกเห็นว่าศิลปะการป้องกันตัวของเอเชียมีดีและน่าเรียนรู้

พร้อมที่จะค้นหาและสร้างฮีโร่สัญชาติเอเชียให้แจ้งเกิดในการแข่งขัน MMA

One Championship ได้สร้างฮีโร่สัญชาติเอเชียให้ก้าวขึ้นไปแจ้งเกิดบนเวทีโลกอย่าง UFC มาแล้วและสามารถขึ้นถึงระดับแชมป์เปี้ยนได้อีกด้วย และยังเน้นสร้างนักต่อสู้ที่ดีจึงแตกต่างจาก MMA ที่ใคร ๆ เคยรู้จักมาแน่นอน โดยเรียนรู้ในเรื่องความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นฮีโร่ตัวอย่างที่ดี เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นใหม่ต่อไป เชื่อว่าจากนี้และต่อไปในอนาคตพ่อแม่ ผู้ปกครองจะเปิดใจยอมรับ MMA มากขึ้นและส่งเสริมให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้มีโอกาสรู้จักตัวตนที่แท้จริงของศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA ในแบบของชาวเอเชีย เพื่อสร้างฮีโร่สัญชาติเอเชียสู้สังเวียน One Championship

ศิลปะการป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือ MMA ใช่หรือไม่

ความนิยมในเรื่องการศึกษาและติดตามศิลปะการต่อสู้ MMA หรือ Mixed Martial Arts มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากผู้คนทั่วโลกมองเห็นถึงประโยชน์ที่มีใน MMA ว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการป้องกันตัวเองได้ในสถานการณ์จริง โดยเฉพาะผู้หญิงซึ่งมักจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่เสมอเมื่อต้องถูกคุกคามทำร้ายร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนรู้จักและคนอื่น ๆ ที่ไม่รู้จักก็ตาม แล้วศิลปะการป้องกันตัวที่ดีที่สุดคือ MMA ใช่หรือไม่…คงต้องมาหาเหตุผลกันก่อนว่ามีสิ่งไหนที่จะสนับสนุนได้บ้าง เพราะว่า MMA ใช้ศิลปะการต่อสู้หลายแขนงโดยเลือกเทคนิควิธีที่ดีที่สุดของแต่ละแขนงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และต้องอาศัยความอดทน ความพยายาม ความกล้าหาญและความมีวินัยของนักกีฬาที่จะเข้ามาฝึกซ้อมด้วยจึงจะเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยอดเยี่ยมได้จริง ๆ เพื่อสมกับคำว่า ศิลปะการป้องกันตัวที่ดีที่สุด

การใช้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวกับ MMA แตกต่างกันอย่างไร

การใช้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวนั้น น่าจะเป็นการรวมถึงการใช้อาวุธหรือสิ่งที่สามารถใช้แทนอาวุธจริงได้ทุกประเภท เพราะในสถานการณ์จริงการเอาตัวรอดจากอันตรายสิ่งรอบกายนำมาใช้ประโยชน์ได้ อาทิ มีดพก ปากกา กระเป๋าสเปรย์พริกไทย ฯลฯ รวมถึงอวัยวะของร่างกายที่ใช้ต่อสู้ได้ แต่สำหรับ MMA แล้วจะเป็นการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ไม่มีอาวุธอื่น แต่จะผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลากหลายรูปแบบ ได้แก่ Jiu Jitsu บราซิล, คาราเต้, มวยไทย, มวยสากล, ไอคิโด เป็นต้น โดยผู้ฝึกซ้อมสามารถเลือกรูปแบบที่ตัวเองถนัดและสามารถทำได้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ได้

ในการผสมผสานทักษะและเทคนิคต่าง ๆ ถือเป็นการเรียนรู้ที่มีประโยชน์มาก ทั้งด้านการแข่งขันบนสังเวียนนักกีฬามวยและผู้ที่เรียนรู้เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเองจากสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และที่สำคัญอย่าลืมว่า บนสังเวียนนักกีฬามีกติกาเพื่อควบคุมสถานการณ์แต่เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตนั้นไม่มีกติกามาคอยกำกับ นั่นอาจจะหมายถึงอันตรายถึงชีวิตได้ ถ้าคุณหรือใครที่ประสบเหตุการณ์ร้ายแต่ไม่มีทักษะด้านการต่อสู้ติดตัวเอาไว้เลย อันที่จริงแล้วนอกจากจะสามารถนำศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอย่าง MMA ไปใช้ได้จริงแล้วยังทำให้ผู้ที่สนใจเป็นนักกีฬาประเภทนี้จะสามารถมีสไตล์และเทคนิคที่หลากหลายขึ้น เมื่อคนที่ได้ดูการแข่งขันจึงรู้สึกสนุกสนาน เพราะคาดเดาท่วงท่าที่จะมาใช้เป็นอาวุธไม่ได้เลย

แต่ทั้งหมดนี้คือศิลปะการป้องกันตัวที่ดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นการสอนวิธีการใช้ร่างกายและอวัยวะต่าง ๆ ของผู้ฝึกฝนให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นคนที่ตัวเล็กหรือใหญ่ ก็สามารถเริ่มเรียนรู้ได้ แล้วจะได้พบด้วยตัวเองว่าเทคนิคแบบไหนกันแน่ที่ใช่และใช้ได้คล่องแคล่วที่สุด นอกจากนี้ยังได้ทั้งความสนุกสนาน ได้สังคมใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ ๆ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย

สุดยอดของคำว่า “ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว”

การให้คำนิยาม คำว่าสุดยอดศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวของแต่ละคนนั้น น่าจะมีความแตกต่างกันไป เพราะว่าแต่ละคนมีความถนัดที่แตกต่างกัน บางคนถนัดการเตะต่อย แต่บางคนถนัดการทุ่มและล็อก ดังนั้น ถ้าจะบอกว่าการเลือกใช้ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสมผสานคือสิ่งที่ดีที่สุดก็ไม่น่าจะผิด แต่ก่อนการก้าวถึงเป้าหมายคำว่าสุดยอดและดีที่สุดนั้นคงต้องอาศัยความมุ่งมั่นและพยายามเพื่อที่จะค้นหาแนวทางการต่อสู้ที่ใช่ เมื่อพบแล้วก็รับรองได้ว่าจะรักและหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบ MMA อย่างแน่นอน