ย้อนความทรงจำ การกลับมาอย่างงดงาม ของ นักสู้สุดเกรียน คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์

เจ้าเกรียนไอริช ผู้มีฉายาอีกนามหนึ่งว่า “ไอ้หมาบ้า” คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ หลังจากที่หายไปนานจากการไปเที่ยวใช้เงิน ก็กลับมาในศึก UFC แบบไม่สวยหรูดูหมดสภาพ เพราะพ่ายให้กับจอมหินอย่างคาบิบ นูร์มาโกเมดอฟไปอย่างหมดรูป แล้วแม็คเกรเกอร์ก็หายไปจาก UFC พักใหญ่ ในที่สุดแล้ว ในศึก UFC 246 เขาก็กลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนใครก่อน ๆ เพราะเจ้าเกรียนไอริชของเรา สามารถคว่ำคาวบอย โดนัลด์ เซอร์โรเน่ไปอย่างรวดเร็วสุด ๆ เพียงแค่ 40 วินาทีของยกแรกเท่านั้น หรือว่านี่จะเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ในสังเวียน MMA อีกครั้งของคอเนอร์ แม็คเกรเกอร์

UFC 246 เมื่อหมาบ้าต้องมาปะทะกับคาวบอย

นับว่าเป็นศึกกีฬา MMA ที่มีแฟน ๆ มวยกรงรอชมมากที่สุดนัดหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับศึก UFC 246 ที่ผ่านมา เพราะคู่เอกในรายการวันนั้นก็คือ การพบกันระหว่าง คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ และ โดนัลด์ เซอร์โรเน่ นักสู้เจนสังเวียน ส่วนใหญ่แล้วแฟน ๆ MMA ก็จะอยากรู้ว่า คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์จะเรียกฟอร์มของตนเองกลับมาได้หรือเปล่า เว็บไซต์รับพนันกีฬาต่าง ๆ ให้ราคาคอเนอร์ แม็คเกรเกอร์เป็นต่อไม่มากนัก ซึ่งในศึกนั้นเว็บพนันออนไลน์ทางฝั่งเอเชียอย่าง fun88 ก็มีการเปิดรับเดิมพันในรายการนี้ด้วย และการชกวันนั้นคอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ของเขาผิดหวัง เพราะสามารถที่จะคว่ำเจ้าคาวบอยไปได้อย่างรวดเร็วด้วยเวลาเพียง 40 วินาที ซึ่งเรียกว่ารวดเร็วมาก เวลาเปิดตัวของนักสู้ทั้งคู่ยังนานกว่า เวลาที่คนทั้งคู่สู้กันเสียอีก แต่ชัยชนะครั้งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะที่สวยหรูทีเดียวสำหรับแม็คเกรเกอร์ ขาวสะอาดและรวดเร็วสมกับการที่หลายคนยกย่องว่าเขาคือนักสู้บนสังเวียน 8 เหลี่ยมที่ดีที่สุดคนหนึ่งของวงการ

เปิดเกมมานักสู้ทั้งสองโถมพุ่งเข้าใส่กัน แม็คเกรเกอร์ตั้งหลักได้ดีกว่า และได้งัดเอาหมัดที่ 3 นั่นคือหัวไหล่กระแทกเข้าไปที่ดั้งของเซอร์โรเน่จน เจ้าคาวบอยถึงกับมึน จากนั้นไอ้หมาบ้าไม่รอช้า โยนเข่าเข้าไปอีกดอกและตามด้วยเตะไปอีกครั้งโดนปลายคาง เจ้าคาวบอยยังยืนอยู่ได้แต่ก็ซวนเซเต็มทีเอนไปติดกรง จึงเสร็จไอ้หมาบ้าที่โถมเข้าไปทุบและจัดชุดใหญ่จนในที่สุดกรรมการต้องยุติการชกและยกมือให้แม็คเกรเกอร์ชนะไป

แม็คเกรเกอร์ อาจมีรีแมตช์กับ คาบิบ

ปี 2018 ตอนที่แม็คเกรเกอร์มาเจอกับคาบิบ นั้น เรื่องราวเต็มไปด้วยดราม่า มีการแกล้งกันนอกรอบ มีเรื่องมีราวกันนอกสนามตลอด และทุกอย่างก็มาจบลงตรงที่แม็คเกรเกอร์แพ้แบบหมดสภาพจริง ๆ แถมในนัดนั้นโกลาหลมาก มีการตีกันของทีมงานทั้งสองฝ่ายบนเวลาทีด้วย ด้านแม็คเกรเกอร์เองก็ยอมรับว่าในนัดนั้นเขาหมดสภาพจริง ๆ ตอนนั้นหลาย ๆ คนบอกว่าแม็คเกรเกอร์อาจเลิกชกไปเลย แต่ด้วยเพราะยังติดสัญญาอยู่กับทาง UFC ทำให้แม็คเกรเกอร์เลิกไปไม่ได้ เขาหลบไปซ้อมอย่างเงียบอยู่พักใหญ่แล้วกลับมาคว้าชัยชนะในศึก UFC 246 ที่ผ่านมา ซึ่งแฟน ๆ ต่างลุ้นว่านัดหน้าของเกรียนไอริชผู้นี้น่าจะกลับมาเจอคาบิบ นูร์มาโกเมดอฟเพื่อล้างตา

ความหวังนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็คงต้องรอดูกันต่อไป ไม่แน่แม็คเกรเกอร์อาจจะขอสู้อีกครั้งเพื่อเรียกฟอร์มตนเองก็ไปเจอคาบิบ แต่ไม่ว่าจะออกหน้าไหน นักสู้คนนี้ก็สร้างสีสันให้กับวงการ MMA ได้ทุกครั้งจริง ๆ

ยูโด ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานของการฝึกซ้อม MMA

Judo หรือ ยูโด เป็นศิลปะการป้องกันตัวอย่างหนึ่งที่ได้บรรจุเป็นกีฬาและมีนักกีฬาให้ความนิยมฝึกหัดเล่นอย่างแพร่หลายทั้งนักกีฬาสมัครเล่นและนักกีฬามืออาชีพ ผู้เล่นจะได้รับประโยชน์อย่างไม่แพ้กีฬาชนิดอื่น ๆ แล้วยังจัดเป็นกีฬาต่อสู้ด้วยมือเปล่า ซึ่งนอกจากจะอาศัยความแข็งแรงของร่างกายแล้วยังต้องอาศัยสมาธิปฏิภาณไหวพริบของผู้เล่นอีกด้วย ในปัจจุบันนี้ได้ดัดแปลงและปรับปรุงให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นทั้งการจู่โจมและการตั้งรับคู่ต่อสู้ จึงสามารถฝึกได้ทุกเพศทุกวัยและยังเป็นหนึ่งในพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอีกด้วย

สำหรับนักกีฬาที่สามารถใช้พื้นฐานของยูโดได้อย่างชำนาญจะสามารถเซฟแรงได้อย่างมากเลยทีเดียว เพราะนี่คือวัตถุประสงค์ของการเล่นยูโด คือ เน้นการบริหารด้านร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมอดีตนักกีฬายูโดชื่อดังระดับแชมป์โอลิมปิกเกมจึงสามารถมีชื่ออยู่ในแถวหน้าของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA ได้ด้วยเช่นกัน

นักกีฬายูโด เลื่องชื่อกับเข็มขัดแชมป์มวย MMA

นักกีฬายูโด เลื่องชื่อกับเข็มขัดแชมป์มวย MMA ระดับโลกอย่างเวที UFC (Ultimate Fighting Championship) และที่สำคัญสาวที่จัดอันดับว่าสวยเลยทีเดียวอย่าง รอนดา ราวซีย์ (Ronda Jean Rousey ) สาวนักสู้ชาวอเมริกันผู้นี้เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับเหรียญจากกีฬายูโดในโอลิมปิกและยังผันตัวมาให้ความสนใจกับกีฬาการต่อสู้ MMA แบบจริงจังจนเป็นผู้หญิงแกร่งไอดอลของสาว ๆ อีกหลายคน เรียกว่าทำให้กระแสของ MMA ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้หญิงเลยก็ว่าได้ ในช่วงเวลาที่ รอนดา ราวซีย์ได้อยู่ในวงการ MMA สามารถป้องกันแชมป์ได้หลายสมัยและยังได้รับการโหวตให้เป็นนักกีฬายอดเยี่ยมอีกด้วย

เมื่อมีความสามารถจึงนำมาซึ่งชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก สะกดสายตาคนดูได้อยู่หมัดทุกครั้งที่ขึ้นสังเวียน นอกเหนือจากชีวิตด้านการเป็นนักกีฬาต่อสู้แล้ว รอนดา ราวซีย์ยังเป็นหนึ่งในนักแสดงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของฮอลลีวูดอีกด้วย ทั้งเก่ง สวยและรวยด้วยกับค่าตัวในที่ได้รับจาก UFC ที่มากเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว ถือว่าเป็นความสำเร็จที่หลาย ๆ คนคงปรารถนาจะก้าวขึ้นมาในจุดนี้ ที่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เธอคนนี้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นไปได้ ถึงแม้ว่าจะได้ผันตัวไปเป็นนักกีฬามวยปล้ำแต่ชื่อใน MMA ก็ยังเป็นตำนานที่น่าจดจำ

บทพิสูจน์ของกีฬายูโดที่ผสมผสานได้อย่างลงตัวมาเป็น MMA

บทพิสูจน์จากนักกีฬายูโดที่เลือกมากฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA ว่าสามารถทำได้ดีอย่างลงตัวจนได้รับเข็มขัดแชมป์ระดับโลก ทำให้พื้นฐานการเรียนรู้ยูโดด้วยท่าทุ่มที่ถูกวิธีและใช้อย่างชำนาญจะนำมาเป็นจุดเด่นเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของการต่อสู้บนสังเวียนกรงแปดเหลี่ยมได้อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้การที่นักกีฬาจะเลือกศิลปะการต่อสู้แบบไหนมาสร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวเองก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความชำนาญของแต่ละคนด้วยแต่เชื่อว่าถ้ามีความมุ่งมั่น ขยันฝึกซ้อมและมีวินัยย่อมใกล้คำว่าประสบความสำเร็จได้แน่นอน

กระดูกชิ้นโตแห่งวงการ MMA “JON BONES JONES”

ในสมาคมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอย่าง UFC มีนักสู้ที่เก่งกาจอยู่มากมายหลายคน แต่มีกระดูกอยู่ชิ้นหนึ่งที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเจอกับเขาบนสังเวียนกรงเหล็ก ด้วยฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดา เทคนิคในการป้องกันตัวที่หาตัวจับได้ยาก การโจมตีคู่ต่อสู้ที่สุดแสนจะอันตราย โครงสร้างร่างกายที่เป็นต่อคู่ต่อสู้และพละกำลังความแข็งแกร่งที่ไม่เป็นสองรองใคร ปัจจุบันกระดูกชิ้นนี้ต่อสู้ในการแข่งขัน MMA ไปแล้วทั้งหมด 25 ไฟต์ ชนะไป 24 และแพ้เพียงแค่ 1 ครั้ง แต่เพียงครั้งเดียวที่เขาแพ้นั้นคือการแพ้ฟาล์วหรือการเผลอทำผิดกติกาโดยการตีศอกในทิศทางต้องห้ามใส่ Matt Hamaill ในการแข่งขัน The Ultimate Fighter ในปี ค.ศ. 2009 ทำให้เขาถูกปรับแพ้ไปในทันที และถ้าไม่นับการถูกปรับแพ้ครั้งนี้เขาก็ไม่เคยพ่ายแพ้ให้ใครเลย

Jon Bones Jones หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า Jonathan Dwight Jones เกิดที่เมือง Rochester รัฐ New York ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1987 เขาเริ่มลงแข่งขันและต่อสู้ในวงการ MMA ด้วยวัย 20 ปีและสามารถเอาชนะ TKO ด้วยการต่อยไปได้ในยกแรกเท่านั้น หลังจากนั้น Jones ชนะ 6 ไฟต์ติดต่อกันจนได้เข้าไปสู้ใน UFC ในปีเดียวกันและสามารถเอาชนะคะแนน Andre Gusmao ได้ในศึก UFC 87 นั่นถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางในวงการ MMA ของเขาอย่างเต็มตัว ในวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2011 Jones มีโอกาสได้ชิงแชมป์กับสุดยอดนักสู้ MMA คนหนึ่งของวงการอย่าง Mauricio Rua ในศึก UFC 128 และเขาก็ไม่ยอมให้โอกาสนั้นหลุดมือไป เขาไล่ถลุงทั้งหมัดทั้งเข่าใส่ Rua และสามารถชนะ TKO ไปได้ในยกที่ 3 ทำให้เขากลายมาเป็นแชมป์รุ่น Light Heavyweight ที่มีอายุน้อยที่สุดด้วยวัยเพียง 23 ปี หลังจากได้แชมป์ Jones ก็ต้องป้องกันแชมป์กับนักสู้หิน ๆ ทั้งนั้นเช่น Lyoto Machida , Victor Belfort , Chael Sonen , Alexander Gustafsson และ Daniel Cormier เขาสามารถเอาชนะสุดยอดฝีมือในตอนนั้นและป้องกันแชมป์ไว้ได้ทั้งหมด ในตอนนั้นเขาถือว่าเป็นสุดยอดฝีมือของวงการ MMA ที่หาตัวจับได้ยากมาก Jon Jones เป็นนักสู้ที่มีเทคนิคการต่อสู้ที่ชาญฉลาดมาก จังหวะการเข้าหานิ่งและอันตราย และอาวุธครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นการเตะ การต่อย ศอก เข่า หรือจะเป็นการสู้ในท่านอนและการทำ Submission ก็ไม่แพ้กัน  

สำหรับไอ้กระดูกชิ้นโตผู้นี้เขาคือสุดยอดตำนานของ UFC และวงการ MMA อีกคนหนึ่งที่ยังคงต่อสู้อยู่ แฟน ๆ ของ UFC และกีฬา MMA ต่างยกย่องให้เขาเป็นนักสู้ที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ปัจจุบันนี้ Jon Jones สามารถครองเข็มขัดแชมป์ในรุ่น Light Heavyweight ไว้กับตัวเขาได้อีกครั้ง ปัจจุบันเขาอายุ 31 ปีและสภาพร่างกายหรือฟอร์มการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ถือว่าดีมาก เชื่อว่า Jon Jones ยังสามารถที่จะต่อสู้ไปได้อีกนานหลายปีและสร้างสถิติใหม่ ๆ ให้กับวงการ MMA ได้อีกมากมาย

“Conor McGregor” ไม่ได้เก่งแค่ฝีปาก ฝีไม้ลายมือก็เก่งไม่แพ้กัน

ใครที่เป็นแฟนหรือติดตามกีฬา MMA อยู่คงจะรู้จักเกรียนไอริชผู้นี้กันเป็นอย่างดี เขาได้ชื่อว่าเป็นนักกีฬา MMA ที่เกรียนและมีลีลาคำพูดคำจาที่ยียวนกวนประสาทมากที่สุดคนหนึ่งในวงการ MMA เขามักจะใช้จิตวิทยาในการข่มขวัญคู่ต่อสู้และสร้างกำลังใจให้ตัวเองก่อนการแข่งขันด้วยคำพูดดูถูกเหยียดหยามและคำถากถางสารพัด ก็ประมาณว่ายั่วโมโหทำให้เสียสมาธิก่อนแข่งขันและสร้างความมั่นใจให้ตัวเขาเอง เรียกได้ว่าถ้าใครจะต้องขึ้นต่อสู้กับเขาจะต้องมีการสาดสงครามน้ำลายกันอย่างแน่นอน แต่ทว่าเกรียนไอริชผู้นี้ไม่ได้เก่งเฉพาะคำพูดเพียงอย่างเดียว ฝีมือในการต่อสู้ของเขาก็ไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย

จากช่างประปาสู่การคว้าแชมป์โลกสองรุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ UFC

Conor McGregor เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1988 ที่เมือง Dublin ประเทศไอร์แลนด์ ในตอนเด็ก ๆ เขาเป็นเด็กธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่ได้มีความโดดเด่นในด้านไหนเลย เขาเล่นฟุตบอลและเป็นนักกีฬาฟุตบอลไปแข่งขันกันระหว่างโรงเรียนตามประสาเด็ก ๆ ทั่วไป จนอายุได้ 12 ปีเขามีโอกาสได้รู้จักกับกีฬามวยจากพ่อของเขาและมันทำให้เขารู้สึกว่ามีความสุขและเป็นตัวของตัวเอง จนอายุ 15 ปีเขาก็รู้สึกได้ว่าจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบกีฬาฟุตบอลขนาดนั้น เขากลับรู้สึกว่าเวลาได้ต่อยมวย ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ตัวเขาเองกลับมีความสุขมากกว่า มันสนุก มันรู้สึกดี เป็นตัวของตัวเองแต่ก็ไม่ได้คิดที่จะจริงจังหรือยึดเป็นอาชีพ ในขณะนั้น Conor ตัดสินใจไม่เรียนหนังสือต่อเพราะรู้สึกว่าการเรียนสำหรับเขามันไม่ได้นำมาปรับใช้ในชีวิตเขาได้ แม่ของเขาจึงหางานมาให้ทำคือการเป็นช่างประปา เขาทำงานเป็นช่างประปาโดยที่ตัวเขาไม่ได้ชอบอาชีพนี้สักเท่าไหร่แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจไม่เรียนต่อเขาก็ต้องทำงาน และหลังจากเลิกงานหรือมีเวลาว่างจากการทำงานเขาก็มักจะไปฝึกมวย ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำทุกวัน วันหนึ่ง Conor รู้สึกว่าเขาอยากเป็นนักมวยอยากทำในสิ่งที่ตนเองชอบเขาจึงตัดสินใจออกจากงานเพื่อไปเป็นนักมวยพร้อมกับความไม่เห็นด้วยจากครอบครัวแต่เขาก็ยืนยันที่จะทำ เขาแข่งขัน MMA ครั้งแรกตอนอายุ 18 ปีและสามารถเอาชนะได้ในการขึ้นต่อสู้ครั้งแรก หลังจากนั้นเขาก็ต่อสู้มาเรื่อย ๆ จนสามารถคว้าแชมป์ถึง 2 รุ่นในรายการ Cage Warriors Fighting Championship ในประเทศไอร์แลนด์ได้ในเวลาไม่นาน จนฝีมือเขาไปเข้าตา Dana White ประธานของ UFC และได้มีการเซ็นสัญญาให้ Conor มาสู้ใน UFC หลังจากที่เขาเข้าไปสู้ใน UFC ก็สามารถชนะติดต่อกัน 7 ไฟต์รวดและคว้าแชมป์รุ่น Featherweight มาครองได้โดยการเอาชนะคนที่ครองแชมป์ในรุ่นนี้มายาวนานอย่าง Jose Aldo ด้วยเวลาเพียง 14 วินาที ต่อมามีโอกาสได้ชิงแชมป์รุ่น Lightweight กับ Eddie Alvarez และสามารถเอาชนะได้ ทำให้เขาสร้างสถิติที่สามารถครองแชมป์ 2 รุ่นในเวลาเดียวกันเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของ UFC

หลาย ๆ คนอาจมองว่าทำไมทุกอย่างมันดูง่ายไปหมด จากช่างประปาธรรมดาคนหนึ่งอยากจะเป็นนักมวยก็ลาออกจากงานมาฝึกมวย ฝึกศิลปะการต่อสู้ แล้วก็ไปขึ้นต่อสู้ เขาชนะ เขาได้แชมป์ แต่เชื่อเถอะว่า Conor McGregor ต่อสู้และพยายามเป็นอย่างมากกับเส้นทางอาชีพนี้ กับเส้นทางที่ตัวเขาเลือกเดิน และตัวเขาเองมักพูดเสมอว่า “ถ้าเราคิดว่าเราทำได้ เราก็จะทำมันได้”

ตำนานบนพื้นผ้าใบ กับ ศิลปะการต่อสู้แนวนอน Royce Gracie

ในวงการกีฬาทุกประเภทย่อมมีบุคคลสำคัญที่ทำผลงานหรือสร้างชื่อเสียงให้แก่วงการกีฬานั้น ๆ อยู่ไม่น้อย อาจจะเป็นตัวนักกีฬาเอง ผู้ฝึกสอน กรรมการผู้ตัดสิน หรือแฟนกีฬา ในวงการกีฬา MMA ก็มีอยู่มากมายหลายคนเช่นกันที่สามารถสร้างชื่อเสียง สร้างผลประโยชน์ และเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในวงการเลยก็มี ถ้าพูดถึงวงการกีฬา MMA คนดูส่วนใหญ่มักจะชอบนักสู้ที่ต่อสู้ในสไตล์ที่เตะต่อยเก่งหรือยืนสู้เก่งเพราะคิดว่าจะชนะและกุมความได้เปรียบในการต่อสู้ แต่มีชายผู้หนึ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติและความคิดแบบนั้นได้ด้วยสไตล์การต่อสู้ของตัวเอง เขาเป็นนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งและหาตัวจับได้ยาก เขาสามารถชนะได้ทั้งนักสู้ที่เก่งกาจทางด้าน หมัดมวย เตะต่อย คาราเต้ หรือแม้แต่มวยปล้ำ ถ้าเจอกับเขาบนพื้นหรือในท่านอนมักจะแพ้พ่ายไปในทันทีทันใด

อย่าเผลอลงไปนอนก็แล้วกัน รับรองเสร็จแน่

Royce Gracie เกิดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1966 ที่เมือง Rio de Janeiro ในประเทศบราซิล Royce ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เปิดโฉม UFC ออกไปสู่วงการต่อสู้โลกให้กว้างขึ้นอย่างแท้จริง เพราะในสมัยที่ UFC เริ่มก่อตั้งใหม่ ๆ ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานยังไม่เป็นที่รู้จักและที่มีก็มีแค่นักสู้ในสไตล์เตะต่อยหรือยืนสู้เท่านั้น แต่เขาเป็นนักสู้ที่ถนัดในการนอนสู้มากกว่าการยืนสู้ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากนักสู้ MMA ในสมัยนั้น โดยเขาได้นำศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า Brazilian Jiu-Jitsu เข้ามาใช้ในการแข่งขัน ส่วนใหญ่แล้วศิลปะการต่อสู่แขนงนี้จะเน้นไปที่ท่านอนสู้ เทคนิคต่าง ๆ ในการป้องกันตัวจากการนอนสู้ หรือแม้แต่การที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ในท่านอนสู้และการทำท่าล็อกแขนล็อกขารวมไปถึงการล็อกคอ ในสมัยนั้น Royce ใช้การนอนล็อกคู่ต่อสู้ล้วน ๆ และสามารถเอาชนะนักสู้ที่ตัวใหญ่กว่า พละกำลังเยอะกว่า แข็งแกร่งกว่าหรือจะเป็นนักสู้ที่เก่งกาจในด้านหมัดมวย คาราเต้ มวยไทย หรือสไตล์อื่น ๆ เขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าสไตล์การนอนสู้และ Brazilian Jiu-Jitsu ของเขาสามารถเอาชนะได้ จนถึงขนาดที่ว่านักสู้ในยุคหลัง ๆ ต้องเรียนรู้และฝึกฝน Jiu-Jitsu กันมาไม่มากก็น้อย อาจจะไม่ได้ฝึกฝนให้เก่งกาจเหมือน Royce แต่ก็ขอให้มีวิชาไว้บ้าง หรือบางคนอาจจะไม่ได้ฝึกฝนโดยตรงเพื่อจะใช้ในการต่อสู้แต่ก็ต้องฝึกฝนการตั้งรับและป้องกันการโจมตีจาก Jiu-Jitsu หรือการนอนสู้อย่างแน่นอน

ถือได้ว่า Royce Gracie คือผู้ที่เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับ UFC และวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ ในภายหลังเขาได้สร้างประวัติศาสตร์มากมายให้กับวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานและกลายมาเป็นตำนานอีกคนหนึ่งในวงการ คนดูบางกลุ่มวิจารณ์การต่อสู้สไตล์เขาว่าเป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่มีความสนุกสนานในการต่อสู้เลย เพราะคนดูต้องการความสนุก การหลั่งเลือด หรือการ Knock Out แต่อย่าลืมว่านี่คือกีฬาคือการแข่งขัน สิ่งที่นักกีฬาต้องการคือชัยชนะ ไม่ใช่อาการบาดเจ็บ แขนหักขาหัก หรือความสนุกสนาน เพราะนักกีฬาก็คือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น มีความรู้สึก ความเจ็บปวดเหมือน ๆ กับทุกคนบนโลก

จากจิ๊กโก๋เกรียนไอริชสู้ตำนานแห่งวงการนักสู้ MMA

เชื่อว่าวันนี้หลายคนคงรู้จักเขากันแล้ว แม้ไม่ใช่แฟนหมัดมวยประเภท MMA ก็ตาม กับนักสู้ที่มีฉายาว่า เกรียนไอริช อย่าง Conor McGregor ที่เข้าได้สร้างประวัตศาสตร์และตำนานบทใหม่ให้กับวงการศิลปะการต่อสู้และ MMA โดยการข้ามสังเวียนกรง 8 เหลี่ยมไปชกกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ แชมป์โลกมวยสากลที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล จึงเป็นการสร้างปรากฏการณ์ที่แบบจะไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกสังเวียนนักสู้ แม้ศึกนั้นเขาจะพ่ายไป แต่เขาก็ได้ใจคนดูทั่วโลกไปครอง เพราะสิ่งที่เขาทำได้พิสูจน์แล้วว่า เขาไม่ได้มีดีแค่คำพูด

จิ๊กโก๋ที่พลิกตัวเองด้วยศาสตร์แห่งต่อสู้

แม้ปัจจุบัน Conor McGregor จะยังไม่ลาวงการและยังมีสัญญาอยู่กับทาง UFC แต่ก็มีข่าวแว่ว ๆ ว่าอีกไม่นานเขาอาจจะลาสังเวียน เพราะเต็มอิ่มกับอาชีพนี้แล้ว และตอนนี้ถึงยังไง UFC ก็ยกให้เขาเป็นตำนานของวงการอีกคนไปแล้วด้วย แต่ก่อนที่ Conor McGregor จะมาถึงจุดที่สร้างชื่อให้โลกจดจำและสร้างรายได้มหาศาลในอาชีพหมัดมวยนี้ เขาก็แค่จิ๊กโก๋ในบาร์ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ชีวิตค่อนข้างจะไร้ค่าเลยด้วยซ้ำ สมัยเด็กก่อนที่เขาจะมาค้นพบศาสตร์การต่อสู้ เขาก็คือเด็กหนุ่มที่หลงใหลฟุตบอลเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป พอช่วงอายุ 12 ก็เริ่มสนใจการต่อสู้ แต่ด้วยนิสัยที่ค่อนข้างก้าวร้าวเกเร ยังไม่ทันจะได้เรียนรู้วิชาอะไรก็ ต่อยตีกับเด็กคน ๆ อื่น  ๆไปทั่ว แม้กระทั่งเด็กที่โตกว่า เขาจึงคิดว่าตัวเองน่าจะไม่เรียนรู้หมัดมวยเพื่อเสริมทักษะต่อยตีให้กับตนเอง จึงได้ไปฝึก Kick Boxing และมวยสากล เส้นทางการเป็นนักสู้เริ่มจากตรงนั้น เขาเริ่มขึ้นชกมวยสากล และก็มีผู้ใหญ่เห็นแววมาเรื่อย ๆ เพราะเขาชกได้ดีถึงขั้นได้แชมป์ All-Ireland boxing Champion ในระดับเยาวชนมาเลยทีเดียว นั่นเป็นจุดส่งต่อทำให้เขามาพบกับ Tom Egan ผู้เปลี่ยนแปลงเขาให้กลายเป็นนักสู้ MMA โดยได้หาโค้ชศาสตร์การต่อสู้หลาย ๆ ด้านมาฝึกเขาทั้ง มวยปล้ำ คาโปเอล่า BJJ เทควันโด นั่นจึงทำให้เขาก้าวขึ้นสังเวียน MMA อย่างมั่นใจและค่อย ๆ ไต่บัลลังก์แชมป์มาเรื่อย ๆ

เส้นทางแชมป์ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

Conor McGregor แม้จะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ แต่บนสังเวียนเลือกไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องเอาชีวิตเข้าแลกกับนักสู้มากฝีมือมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ มีหลายครั้งที่เขาตั้งคำถามหาความคุ้มค่ากับการเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงเพื่อเงินเพียงเล็กน้อย จนทำให้อยากเลิกอาชีพนี้แต่ก็ได้กำลังใจจากภรรยาทำให้เขาฟันฝ่าวันนั้นมาได้ Conor McGregor ไต่อันดับจากนักสู้ค่าตัวธรรมดามาเรื่อย ๆ จนถึงกลายเป็นแชมป์โลก MMA และนักสู้ที่ได้ค่าตัวแพงที่สุดของวงการไปแล้ว ทุกครั้งที่เขาขึ้นต่อย อัตราต่อรองในคาสิโนที่รับพนันกีฬาจะคึกคักมากและมีเงินสะพัดทุกครั้ง แม้กระทั่งเว็บไซต์รับพนันทั้งฝั่งเอเชียที่เปิดรับพนันกีฬา MMA อย่าง VWIN ก็มีคนให้ความสนใจเข้ามาวางเดิมพันกันมากมายเช่นกัน ชายผู้นี้จึงไม่ได้แลกความสำเร็จมาเพราะความกร่างที่แสดงออกทางบุคลิกของเขาหรือโชคช่วยแต่อย่างใด แต่เขาพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นจากฝีมือของเขาล้วน ๆ จริง ๆ

Conor McGregor จึงเหมาะสมแล้วกับตำนานอีกบทหนึ่งของนักสู้ MMA แม้เขาจะแพ้แต่เขาไม่เคยถอดใจ เขากล้าที่จะลุกขึ้นมาสู้ใหม่ทุกครั้ง ตราบที่ยังมีลมหายใจก็ยังมียกต่อไปสำหรับชีวิตเสมอ

ตำนานที่ยังหายใจ “ ANDERSON THE SPIDER SILVA ”

ในวงการกีฬาที่เกี่ยวกับการต่อสู้การที่จะขึ้นมาเป็นแชมป์หรือเป็นอันดับหนึ่งนั้นยากแสนยาก ต้องผ่านเส้นทางอันแสนลำบากกว่าจะก้าวขึ้นมาได้ และพอก้าวขึ้นมาได้แล้วยังต้องป้องกันหรือรักษามันไว้ให้ได้อีกซึ่งยากลำบากว่าเป็นสองเท่า ดังคำกล่าวที่ว่า “การจะเป็นแชมป์นั้นว่ายากแล้ว แต่การจะรักษาแชมป์นั้นยากกว่า ” ยิ่งในวงการ MMA นั้นแชมป์ถือว่าเปลี่ยนมือบ่อยมาก บางคนต้องต่อสู้มาอย่างยากลำบากจนสามารถคว้าแชมป์มาครองไว้ได้แต่ก็ต้องเสียแชมป์ไปในการป้องกันแชมป์ครั้งแรกเท่านั้น แต่มีชายผู้หนึ่งที่สามารถป้องกันแชมป์ไว้ได้อย่างยาวนานและสามารถทำลายสถิติต่าง ๆ นานาใน UFC ได้ ก็คือไอ้แมงมุมจากบราซิลที่ไม่ว่าจะเจอใครหน้าไหนก็สามารถเอาชนะได้หมด

จะมีนักกีฬา MMA สักกี่คนบนโลกที่จะป้องกันรักษาเข็มขัดแชมป์ไว้ได้อย่างยาวนานเท่าเขาคนนี้ “ Anderson Silva ” เขาเกิดที่เมือง Sao Paulo ในประเทศบราซิล เมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1975 เขาชื่นชอบและหลงรักศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่วัยเด็ก เคยเรียนและฝึกฝนมวยไทยจนลงแข่งขันที่ประเทศบราซิล เรียน Brazilian Jiu-Jitsu จนได้สายดำ และเรียนเทควันโดจนได้สายดำเช่นกัน ถือว่าเป็นนักกีฬา MMA ที่มีความสามารถหลากหลาย ไอ้แมงมุมมืดจากบราซิลผู้นี้เข้าโจมตีคู่ต่อสู้อย่างไร้ปราณีด้วยเทคนิคที่สุดแสนจะแพรวพราว และท่าโจมตีในแบบฉบับมวยไทยอย่างจระเข้ฟาดหางหรือจะเป็นท่าหมุนตัวเตะในแบบฉบับเทควันโด ไม่ว่าจะเป็นความเหนียวหนึบอย่างแมงมุมเมื่อได้ขึ้นคร่อมคู่ต่อสู้หรือการนอนสู้ในแบบฉบับ Brazilian Jiu-Jitsu ก็ตาม ในปี ค.ศ. 2006 เขาสามารถคว้าเข็มขัดแชมป์รุ่น Middleweight มาครองได้และทำสถิติที่ยากจะมีคนมาทำลายด้วยการครองแชมป์ยาวนานถึง 2,457 วัน นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2006 – 2013 และยังพ่วงสถิติชนะติดต่อกัน 16 ไฟต์รวด ในตอนนั้นไม่ว่าใครหน้าไหนถ้าต้องมาเจอกับ Anderson ก็ต้องแพ้พ่ายไปตาม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่มีฝีมือสุดยอดในการยืนสู้อย่าง Rich Franklin หรือจะเป็นเจ้าพ่อท่านอนอย่าง Forrest Griffin ก็ยอมศิโรราบให้ไอ้แมงมุมผู้นี้ ทั้งหมดที่เขาทำมันถือว่าเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับนักกีฬา MMA คนหนึ่งจะทำได้ เขาคือสุดยอดนักสู้ในกรงเหล็กอย่างแท้จริง คือตำนานอีกบทหนึ่งของวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน

ตั้งแต่ที่ Anderson Silva เสียเข็มขัดแชมป์ให้กับ Chris Weidman ฟอร์มการต่อสู้และพละกำลังความแข็งแกร่งก็หดหายไปมาก อาจจะเพราะอายุที่แก่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ความเร็ว ไหวพริบ หรือสภาพร่างกายแย่ลงไปด้วย ก็มีชนะบ้างแพ้บ้างไม่ได้หวือหวาเหมือนสมัยที่เขาเป็นแชมป์ แต่ด้วยความรักในกีฬาชนิดนี้ Anderson ยังคงต่อสู้ในศึกของ UFC อยู่ในขณะนี้ เขาได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้นักสู้รุ่นใหม่มากมาย เป็นครูเป็นอาจารย์ที่คนในวงการเคารพนับถือ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กีฬา MMA เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก