แม่ไม้มวยไทยกับการประยุกต์ใช้ในกีฬา MMA

กีฬา MMA คือการผสมผสานศิลปะการต่อสู้หลาย ๆ แขนงเข้าไว้ด้วยกัน แน่นอนว่าศิลปะการต่อสู้แม่ไม้มวยไทยก็ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างปฏิเสธไม่ได้ มีนักกีฬา MMA มากมายฝึกฝนและเรียนรู้การเตะการต่อยในแบบฉบับแม่ไม้มวยไทย ฝึกฝนการต่อสู้วงใน การใช้ศอก-เข่าในแบบฉบับแม่ไม้มวยไทย หรือการป้องกันตัว การยืนมวย และอื่น ๆ อีกมากมายในแบบฉบับแม่ไม้มวยไทย นักกีฬา MMA บางคนยอมบินมาฝึกฝนเรียนรู้จากครูมวยชื่อดังถึงประเทศไทยเราก็มีไม่น้อย ลงทุนจ้างครูมวยจากไทยให้ไปสอนที่ต่างประเทศก็มากเช่นกัน บ้างก็ยืนมวยในแบบฉบับมวยไทย บ้างก็กอดรัดคลุกวงในแบบมวยไทย ใช้ศอกใช้เข่าในแบบมวยไทยก็มีให้เห็นกันมาก

ทำไมนักกีฬา MMA ส่วนใหญ่ต้องฝึกมวยไทย

มวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เก่าแก่และมีมาอย่างช้านานตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่นทางด้านเทคนิค การใช้ร่างกายเกือบทุกส่วนเป็นอาวุธในการต่อสู้เช่น มือ ศอก เท้า เข่า ฯลฯ มีการป้องกันตัวที่ชาญฉลาดและเทคนิคการต่อสู้วงในที่หาวิธีป้องกันได้ยาก การยืนของมวยไทยคือการยืนที่มั่นคง เข้มแข็ง สง่า และน่าเกรงขาม เปรียบเหมือนป้อมปราการที่พร้อมจะตอบโต้เมื่อโดนโจมตี มวยไทยจะเน้นการป้องกันตัวและตอบโต้มากกว่าจะโจมตี ศิลปะการต่อสู้ในลักษณะนี้จึงเหมาะกับการต่อสู้ในรูปแบบของ MMA เพราะกีฬา MMA จำเป็นมากที่จะต้องป้องกันตัวจากการโจมตีที่หลากหลายจากคู่ต่อสู้ จำเป็นที่จะต้องตั้งรับดูเชิงของคู่ต่อสู้เพื่อที่จะหาโอกาสตอบโต้ และเทคนิคในการเอาตัวรอดหรือการเปลี่ยนจากรับให้เป็นรุกของมวยไทยก็เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในกีฬา MMA ยกตัวอย่างเช่น จากที่โดนคู่ต่อสู้ไล่ต่อยจนเกือบจะแพ้แต่ถ้าเปลี่ยนเกมเข้าไปกอดคู่ต่อสู้และใช้เทคนิคการคลุกวงในและการตีเข่าแบบมวยไทยก็สามารถกลับมาเป็นฝ่ายโจมตีได้ หรือการถีบขาสกัดเพื่อทำลายจังหวะก็อาจทำให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะและเราอาจมีโอกาสโจมตี เป็นต้น และที่สำคัญคือการออกอาวุธที่อันตรายและน่ากลัวของมวยไทยกระบวนท่าต่าง ๆ ในแม่ไม้มวยไทยที่ขยับร่างกายเพียงไม่กี่ส่วนแต่สามารถทำให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะ เสียท่าไปเลยก็ได้ ทั้งหมดนี้ล้วนสำคัญสำหรับการต่อสู้ในกีฬา MMA อยู่ที่ว่านักกีฬาจะนำไปประยุกต์ใช้ในรูปแบบไหนให้เหมาะสมกับพื้นที่และกติกาของกรงเหล็ก

สำหรับนักกีฬา MMA หรือคนที่อยู่ในวงการศิลปะการต่อสู้มีน้อยคนนักที่ไม่รู้จักมวยไทย ส่วนใหญ่จะต้องเคยได้ยิน เคยเห็นกันมาทั้งนั้น และก็มีนักกีฬา MMA ชื่อดังหลายคนที่นำเอามวยไทยไปประยุกต์ใช้ในการต่อสู้ของตนเองจนประสบความสำเร็จเช่น Anderson Silva , Jon Jones , Jose Aldo และอีกหลาย ๆ คน แต่ไม่ใช่ว่าศิลปะการต่อสู้แขนงอื่นจะไม่มีความสำคัญหรือนำมาประยุกต์ใช้ไม่ได้ คนที่นำมวยปล้ำมาประยุกต์ใช้แล้วประสบความสำเร็จก็เยอะแยะ คนที่นำมวยสากลมาประยุกต์ใช้ก็มากมาย แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับความเข้าใจในตนเองว่าเราเหมาะสมกับแบบไหน จะนำมาใช้ยังไง ตอนไหน สถานการณ์ไหนถึงจะเหมาะสมมากกว่า

MMA เริ่มต้นมาจากตรงไหนและเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ในสังคมของโลกยุคปัจจุบันกระแสของการกีฬาและการแข่งขันนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร มีกีฬาชนิดใหม่เกิดขึ้นมาไม่น้อยและจางหายไปก็มากเช่นกัน กีฬา Mixed Martial Art เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ถือว่าแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในยุคปัจจุบัน เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วทั้งโลก สังเกตได้จากจำนวนผู้ชมนับหมื่นคนที่เข้ามาชมการแข่งขันในแต่ละศึก ค่าลิขสิทธิ์มหาศาลในการนำไปถ่ายทอดสด ค่าเหนื่อยของนักกีฬาในการต่อสู้แต่ละครั้ง และจำนวนการแชร์คลิปวิดีโอหรือรูปภาพในสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เป็นต้น หลายคนอาจคิดว่ากีฬา MMA เพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาไม่นานก่อนหน้านี้เพราะว่าพึ่งจะรู้จักและได้รับความนิยมในยุคสมัยนี้ แต่จริง ๆ แล้วการต่อสู้โดยใช้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมีมานานนับพันปีเลยก็ว่าได้

ในยุคสมัยกรีกโรมันได้มีการจัดแข่งขันการต่อสู้แบบผสมผสานด้วยมือเปล่าอย่างเป็นทางการขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อราว ๆ 600 ปีก่อนคริสตกาลโดยอ้างอิงจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เหล่านักสู้ Gladiator ที่หลายคนคงคุ้นหูและเคยได้ยินได้รู้จักกันมาบ้างแล้ว เหล่านักสู้เหล่านั้นได้นำการต่อสู้แบบผสมผสานด้วยมือเปล่าเข้าไปสู้ในสนามต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยนั้นอย่าง Colosseum และเรียกชื่อการต่อสู้นั้นว่า Greek Pankration นั่นถือเป็นจุดกำเนิดของการแข่งขันการต่อสู้แบบผสมผสานบนโลกใบนี้ ต่อมาศิลปะการต่อสู้ได้พัฒนาและแตกแขนงออกมามากมายเช่น มวยสากล มวยปล้ำ ยูโด คาราเต้ มวยไทย และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยการต่อสู้แต่ละแขนงก็มีกฎและกติกาที่แตกต่างกันออกไปทำให้ศิลปะการต่อสู้แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง นักกีฬามวยสากลจะมาแข่งขันต่อสู้กับนักกีฬามวยไทยไม่ได้เพราะกฎและกติกาที่เฉพาะเจาะจงสำหรับกีฬาชนิดใดชนิดหนึ่งและการฝึกฝนของนักกีฬาที่แตกต่างกันออกไป แต่ในช่วงยุค 90s หรือราว ๆ ปี ค.ศ. 1990-2000 ได้มีการคิดริเริ่มการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานขึ้นมาอีกครั้งโดยให้ชื่อเรียกว่า MMA หรือ Mixed Martial Art อย่างที่เราเรารู้จักกันในปัจจุบันนี้ มันคือการรวมเอาศิลปะการต่อสู้เกือบทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกในขณะนั้นเข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นการเตะ การต่อย กอดรัดฟัดเหวี่ยง หรือการทำให้ยอมแพ้ ในปี ค.ศ. 1993 ได้มีการจัดการแข่งขัน MMA ขึ้นและถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ครั้งแรกโดยใช้ชื่อว่า Ultimate Fighting Championship หรือ UFC ที่เรารู้จักกัน ครั้งนั้นถือว่าเป็นการกำเนิดสมาคมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานขึ้นอย่างเป็นทางการและถ่ายทอดกีฬาชนิดนี้ออกไปในวงกว้างมากขึ้น

ในอดีตยุคสมัยที่กีฬา MMA เพิ่งเริ่มต้น กีฬาชนิดนี้ไม่ได้รับความนิยมและการยอมรับมากเท่าไหร่เนื่องจากผู้คนทั่วไปมองว่าเป็นกีฬาที่ป่าเถื่อน รุนแรง และอันตราย อาจเป็นเพราะกฎกติกาที่ไม่มีอะไรมากนัก แต่ปัจจุบันนี้กีฬา MMA ปรับเปลี่ยนกฎและกติกาให้เหมาะสมและจำกัดท่าโจมตีที่เป็นอันตรายต่อนักกีฬา มีกรรมการที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นพิเศษ มีทีมแพทย์และการปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็ว เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในวงการกีฬาในสังคมปัจจุบันมากขึ้นจนได้รับการยอมรับและความนิยมมากมายอย่างเช่นทุกวันนี้