อิทธิพลของ MMA หรือ Mixed Martial Art ในประเทศไทย

ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA หรือ Mixed Martial Art ในช่วงยุคแรก ๆ นั้นเป็นที่รู้จักในด้านการต่อสู้ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงเข้ามาไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น มวยไทย มวยสากล บราซิลเลี่ยน ยูยิตสุ ยูโด มวยปล้ำและอื่น ๆ ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว มีเพียงกติกาแพ้คัดออก การแพ้-ชนะขึ้นอยู่กับการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้ น็อกคู่ต่อสู้หรือกรรมการสั่งยุติเท่านั้นในรายการแข่งชื่อดังอย่าง UFC (Ultimate Fighting Championship) ในเวลาต่อมาเมื่อได้รับความนิยมมากขึ้นจึงพัฒนาและกำหนดกติกาให้เป็นสากลมากขึ้น

ในประเทศไทยเองได้เริ่มให้ความสนใจกับกีฬาชนิดนี้มากขึ้นตามกระแสโลกเช่นกัน โดยมีผู้สนับสนุนเป็นคนไทยและได้พยายามผลักดันให้นักกีฬาต่อสู้ของไทยรวมถึงนักกีฬาที่มีความสนใจทั่วภูมิภาคเอเชียได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสศิลปะการต่อสู้ MMA มากขึ้น เพราะความสามารถของคนเอเชียเองไม่ได้ด้อยไปกว่าชาติตะวันตก นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสอันดีที่จะได้นำศิลปะการต่อสู้ของภูมิภาคเอเชียไปเผยแพร่ให้ทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้นอีกด้วย และเพราะความทันสมัยของเทคโนโลยีอย่างโซเชียลมีเดียด้านต่าง ๆ สามารถรับชมได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา ด้านเกมการแข่งขันเองก็มีความน่าสนใจจึงทำให้ MMA เข้ามาอิทธิพลในกลุ่มคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทำไม…ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน MMA หรือ มวยกรง จึงฮอตฮิตทั่วโลก

  • ในปัจจุบันผู้คนชอบความแปลกใหม่และท้าทายความสามารถ โดย MMA มีการถ่ายทอดความสามารถของนักกีฬาต่อสู้ ซึ่งไม่มีข้อจำกัดของการใช้อาวุธ เพราะสามารถนำมาใช้ได้แบบผสมผสานภายใต้กติกาที่มีไว้เพื่อกำหนดแนวทางและเซฟนักกีฬาในเรื่องความปลอดภัยเท่านั้น
  • ความสนุกสนานเร้าใจในเกมการแข่งขันที่คาดเดาได้ยาก ผู้ชมจะรู้สึกตื่นเต้นและลุ้นไปกับเกมทุกครั้งทุกยกเมื่อได้ชมแล้วอาจจะลืมทั้งความเครียดและความทุกข์ที่มีได้เลยทีเดียว
  • สามารถรับชมได้สะดวก ทั้งที่ผ่านรายการโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน อีกทั้งยังสามารถรับชมย้อนหลังได้อีกด้วย เพราะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากระบบอินเทอร์เน็ตจึงสามารถออนไลน์ได้ทุกที่ทั่วโลก

โอกาสที่มี ของนักกีฬาไทยและนักกีฬาภูมิภาคเอเชียสู่สายตาคนทั่วโลก

ในปัจจุบันถือว่ามีโอกาสสูงเพราะมีผู้ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยผ่านรายการชื่อดัง One Championship ซึ่งเป็นรายการที่สร้างขึ้นมาเพื่อเปิดโอกาสในการค้นหา ฮีโร่แห่งภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะ แล้วผู้ชมก็ให้การยอมรับและชื่นชอบ จึงกลายเป็นรายดังเช่นกัน อาจจะเป็นเพราะว่ารูปร่างสัดส่วนของชาวเอเชียมักจะเป็นคนตัวเล็ก ไม่รูปร่างสูงใหญ่อย่างชาวตะวันตก ในสังเวียนใหญ่ระดับโลกอย่าง UFC จึงไม่ค่อยมีนักกีฬาที่มาจากฝั่งทวีปเอเชียมากนัก และที่ได้รับแชมป์โลกก็ยังไม่มีชื่อชาวเอเชียเช่นกัน

ทางผู้จัดรายการ One Championship ได้เล็งเห็นถึงความสามารถของชาวเอเชียและไม่อยากให้ถูกจำกัดจึงเปิดโอกาสให้ได้แสดงความสามารถ ซึ่งเรียกได้ว่าผู้ชมเองก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีทีเดียว อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นในหัวใจนักสู้ชาวเอเชียอย่างเต็มร้อยว่าสามารถก้าวไปถึงระดับโลกได้ไม่แพ้ชาติใดเช่นกัน

จุดกำเนิดกีฬาเก่าแก่ “มวยปล้ำ” ศิลปะการต่อสู้ที่ไม่ใช่แค่การแสดง

ปัจจุบันนี้กีฬามวยปล้ำถูกพัฒนามาไกลจากยุคแรกเริ่มมากแล้ว หลาย ๆ คนคงรู้จักมวยปล้ำกันเป็นอย่างดีเพราะอาจจะเคยดูผ่านทางโทรทัศน์หรือเคยเห็นในหนังสือ ภาพที่เห็นคือการแข่งขันมวยปล้ำที่มีเวทีสี่เหลี่ยมใหญ่ ๆ อยู่ตรงกลางคล้ายกับสนามมวยและมีการเปิดตัวนักมวยปล้ำด้วยเสียงเพลงสุดอลังการ คนไทยเราส่วนใหญ่มักเข้าใจกีฬามวยปล้ำในรูปแบบนั้น แต่จริง ๆ แล้วทั้งหมดนั้นคือการแสดงโดยใช้ความสามารถของวิชามวยปล้ำเช่น รูปแบบในการต่อสู้ ท่าทางการเคลื่อนไหว เพื่อให้ความบันเทิง มีการสร้างบทบาท มีเนื้อเรื่อง และการกำหนดผลแพ้ชนะไว้ก่อนแล้ว เดิมทีรูปแบบของกีฬามวยปล้ำนั้นแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงเพราะกีฬามวยปล้ำนั้นเป็นศาสตร์ที่สามารถใช้ป้องกันตัวและใช้ต่อสู้ได้จริง ๆ

กีฬามวยปล้ำนั้นมีมาอย่างยาวนานและถือว่าเป็นกีฬาที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ ในยุคสมัยที่มนุษย์ยังไม่รู้จักประดิษฐ์อาวุธต่าง ๆ ขึ้นมาใช้นั้น ก็มีการฝึกฝนมวยปล้ำเพื่อใช้ป้องกันตัวและต่อสู้กับพวกสัตว์ป่าเวลาออกไปล่าสัตว์ หรือใช้ต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกันเอง ต่อมาเมื่อมนุษย์รู้จักการใช้ประโยชน์จากไฟ การทำเกษตรกรรม การเลี้ยงสัตว์ การประดิษฐ์อาวุธและเครื่องไม้เครื่องมือขึ้นมา มวยปล้ำก็ได้เปลี่ยนบทบาทกลายมาเป็นสิ่งที่ให้ความบันเทิง เป็นการตัดสินและค้นหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ชายจะมาแข่งมวยปล้ำกันเพื่อทดสอบความแข็งแรงเพื่อที่จะตัดสินว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าหรือในกลุ่มนั้น ๆ เป็นกระบวนการในการคัดเลือกหัวหน้าเผ่าของมนุษย์ยุคโบราณ ต้นกำเนิดที่แท้จริงของกีฬามวยปล้ำนั้นไม่ได้มีการบันทึกไว้แน่ชัดว่าชนชาติใดริเริ่มขึ้นมาเป็นชนชาติแรก บ้างก็อ้างว่ากีฬามวยปล้ำกำเนิดในอารยธรรมยุคเมโสโปเตเมียโดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพแกะสลักรูปมวยปล้ำมากมายในท่วงท่าต่าง ๆ ที่ผนังของวิหารและสุสาน Beni Hassan ในประเทศอียิปต์ และรูปมวยปล้ำในวิหาร Kyafaje ใกล้กับเมืองแบกแดดประเทศอิรัก ในทวีปเอเชียเราก็มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์แสดงว่าชาวมองโกเลียและจีนเป็นชนชาติแรกที่มีการเล่นมวยปล้ำโดยเล่นมาอย่างน้อย ๆ ราว 5,000 ปี มีประวัติศาสตร์มากมายเกี่ยวกับกีฬามวยปล้ำและการจัดการแข่งขันต่าง ๆ ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในปี ค.ศ. 1896 โลกของเราได้มีมหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างโอลิมปิก และแน่นอนว่ากีฬามวยปล้ำย่อมเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่จัดการแข่งขันในโอลิมปิกและมีการแข่งมาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้

การเดินทางของกีฬามวยปล้ำนั้นยาวนานหลายพันปี ผ่านเรื่องราวหลายยุคหลายสมัยและไม่รู้จุดกำเนิดที่แน่ชัดของตัวเอง ไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วเริ่มต้นมาจากจุดไหน จากใคร แต่ที่รู้คือทุกวันนี้ยังมีกีฬามวยปล้ำอยู่บนโลก เพราะฉะนั้นแล้วมันไม่สำคัญว่าต้นกำเนิดของกีฬามวยปล้ำนั้นจะอยู่ตรงไหนของโลกแต่มันสำคัญที่กีฬามวยปล้ำมีมาตั้งแต่สมัยที่มนุษย์ยังไม่มีอารยธรรม ยังเป็นชนเผ่าเร่ร่อน และยังคงมีกีฬามวยปล้ำมาจนถึงปัจจุบันนี้